‘อิตาลี’ สั่งหยุดฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาหลังพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วน ‘ฝรั่งเศส’ เดินหน้าฉีดหลังยืนยันความปลอดภัย

สำนักข่าวรายเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานด้านเวชภัณฑ์ของอิตาลี (Aifa) ได้ยืนยันคำสั่งยกเลิกการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ผลิตโดยบริษัทแอสตราเซเนกา โดยไม่ได้อ้างถึงเหตุการณ์ใด

ขณะที่มีรายงานว่า ชาย 2 คนชื่อ นายสเตฟาโน ปาเตอร์โน  เจ้าหน้าที่กองทัพเรือวัย 43 ปีเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายและ ดาวิด วิลล่า ตำรวจวัย 50 ปี ได้เสียชีวิตลงในช่วงสุดสัปดาห์หลังได้รับการฉีดวัคซีนราว 12 วัน 

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นระบุว่าเขาล้มป่วยภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากฉีดวัคซีนและรายงานว่าแพทย์วินิจฉัยว่าเส้นเลือดตีบซึ่งส่งผลให้เลือดออกในสมองในเวลาต่อมา

ความเคลื่อนไหวของอิตาลีเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากที่เดนมาร์กและนอร์เวย์ประกาศว่าพวกเขาระงับการใช้วัคซีนของบริษัทดังกล่าว

ฝรั่งเศสเลยืนยันเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อ

มีรายงานข่าวว่า  นายโอลิเวียร์ เวแรน รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งฝรั่งเศส กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ทางประเทศฝรั่งเศสไม่มีความจำเป็นต้องระงับการฉัดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากบริษัทแอสตราเซเนก้า โดยหน่วยงานด้านเวชภัณฑ์ของฝรั่งเศสได้แนะนำให้เขาปฏิบัติตามคำตัดสินของหน่วยงานกำกับดูแลยาของสหภาพยุโรปที่ว่า วัคซีนของบริษัทดังกล่าวยังคงมีความปลอดภัยที่จะใช้

 ท่ามกลางกระแสข่าวรัฐบาลหลายประเทศในทวีปยุโรปได้ระงับการฉีดเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงเกี่ยวกับการอุดตันของลิ่มเลือด

French Health Minister Olivier Veran gives a press conference on the French government’s current strategy for the ongoing Covid-19 (novel cornavirus) pandemic on March 11, 2021, in Paris. (Photo by Ludovic MARIN / AFP)

เขากล่าวว่ามีเพียง 30 คนเท่านั้นที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนของบริษัทดังกล่าวไปแล้วกว่า 5 ล้านคน

“ข้อดีของการฉีดวัคซีนในขั้นตอนนี้มีมากกว่าความเสี่ยง” นายเวแรนกล่าว ทั้งนี้ฝรั่งเศสกำลังพยายามการส่งเสริมการฉีดวัคซีนด้วยความหวังว่าจะหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ครั้งที่สาม

จำนวนผู้เข้ารับการรักษาผู้ป่วยหนักในภูมิภาคปารีสในแต่ละวันสูงมากจนความสามารถของโรงพยาบาลอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างรุนแรงโดยการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นต้องยกเลิก

นายเวแรนกล่าวว่ส ขณะนี้มีผู้ป่วยมากกว่า 1,000 รายอยู่ในห้องไอซียูในภูมิภาคปารีสซึ่งอาจสูงถึง 1,500 คนภายในสิ้นเดือนมีนาคมซึ่งเป็น “ระดับวิกฤต” ซึ่งเป็นใกล้เคียงกับตัวเลขที่เลวร้ายที่สุดในช่วงการแพร่ระบาดระลอกที่สอง

เจ้าหน้าที่จึงเตรียมอพยพผู้ป่วยหนัก “หลายสิบหรือหลายร้อย” ออกจากเมืองหลวงและชานเมืองไปยังภูมิภาคอื่น

ทั่วประเทศขณะนี้มีผู้ป่วยหนักมากกว่า 4,000 คนเพิ่มขึ้นจาก 3,555 คนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

“สถานการณ์ตึงเครียดและน่ากังวล”  เขากล่าว “เราไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เลวร้ายที่สุดจะจบลงหรือจะเลวร้ายแค่ไหน”

ในขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าร้านขายยาเกือบ 20,000 แห่งจะเข้าร่วมขับเคลื่อนการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้หน่วยดับเพลิงและกองทัพยังได้รับการเกณฑ์ทหารจำนวนเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยตามการเรียกร้องของนายกรัฐมนตรี ฌ็อง กัสแต็กซ์ สำหรับ “การระดมกำลังระดับชาติ”

ฝรั่งเศส  นับเป็นประเทศที่ตามหลังเพื่อนบ้านในยุโรป สำหรับฉีดวัคซีนเนื่องจากขาดแคลนวัคซีน  ท่ามกลางข้อร้องเรียนเกี่ยวกับระบบราชการแม้ว่าวันพุธจะมีสถิติใหม่โดยมีผู้ฉีดไปแล้วจำนวน 286,000 คน

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดนมาร์กประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาชั่วคราวเป็นเวลา 14 วัน ระหว่างที่กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่ามีผู้ป่วยบางคนเกิดปัญหาลิ่มเลือดหลังจากได้รับวัคซีนดังกล่าว

จากกี่วันก่อน ออสเตรียได้สั่งระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา หลังจากพบว่ามีผู้ได้รับวัคซีนรายหนึ่งมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นหลายก้อนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และอีกคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากเส้นเลือดที่ปอดเกิดการอุดตันเพราะลิ่มเลือด 

อย่างไรก็ตามสำนักงานการแพทย์ของยุโรป (EMA) ได้ทำการตรวจสอบและไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างวัคซีนโควิดกับกรณีดังกล่าว ถึงกระนั้นมีหลายประเทศเช่นไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, เอสโตเนีย, ลิธัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, แลตเวียและอิตาลี ที่ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนที่ผลิตในคราวเดียวกันนี้แล้วในขณะที่การสืบสวนกำลังดำเนินต่อไป โดยวัคซีนชุดนี้ได้ถูกส่งไปยัง 17 ประเทศในยุโรปในเวลาไล่เลี่ยกัน

ทางด้านบริษัทแอสตราเซเนกามีแถลงการณ์ว่า ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนโควิดอย่างเคร่งครัด และที่ผ่านมายังไม่มีรายงานยืนยันถึงผลข้างเคียงร้ายแรงของวัคซีนดังกล่าวแต่อย่างใด

ที่มา- https://www.thelocal.fr/20210311/france-will-not-halt-use-of-astrazeneca-vaccine-says-health-minister/

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-italy-astrazeneca-idUSKBN2B31YH?taid=604a62dcd52b5600013a535f&utm_campaign=trueAnthem:+Trending+Content&utm_medium=trueAnthem&utm_source=twitter