ออมสิน คาดหลังสิ้นสุดมาตรการพักหนี้ เอ็นพีแอลอาจพุ่งถึง 3.5%

  • เหตุลูกค้าส่วนใหญ่มีเครดิตต่ำ
  • แต่ยังบริหารจัดการได้

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์หนี้เสียของธนาคารอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการที่ธนาคารเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อในหลายมาตรการของธนาคารระยะที่ผ่านมา และลูกค้าส่วนใหญ่หรือกว่า 90% มีเครดิตต่ำ เช่น การปล่อยสินเชื่อกู้ภัยโควิด-19 รายละ 10,000 บาท จำนวน 800,000 ราย ในจำนวนนี้ มีเพียง 7% เท่านั้น ที่ใช้เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อตามปกติ ส่วนที่เหลืออีก 93% เป็นการปล่อยสินเชื่อแบบผ่อนปรน

ส่วนสินเชื่อเสริมพลังฐานรากรายละ 30, 000 -50, 000 บาท จำนวน 300,000-400, 000 ราย ที่ปล่อยผ่าน MyMo มีเพียง 25% ที่เข้าเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้ ที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้ เพราะรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุนกรณีเกิดหนี้เสีย

“การปล่อยสินเชื่อเหล่านี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนระดับฐานรากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่เป็นการกู้ไปเพื่อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่คุณภาพสินเชื่ออาจไม่สูง ซึ่งจะกระทบต่อหนี้เสียแน่ ส่วนจะเท่าไหร่ยังไม่ชัด แต่เชื่อว่าจะบริหารจัดการได้ เพราะแบงก์ยังแข็งแกร่ง”

อย่างไรก็ตามธนาคารออมสินคาดว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ลูกหนี้รายย่อยดังกล่าว จะค่อยๆ ฟื้นความสามารถในการชำระหนี้เป็นปกติได้ภายในระยะเวลา 3 ปี

ทั้งนี้ธนาคารออมสิน ถือว่า เป็นธนาคารที่มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ปัจจุบันระดับหนี้เสียอยู่ที่ 2.5 % ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นระยะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วภายในสิ้นปีนี้ อาจมีลูกหนี้บางรายไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติ และกลายเป็นหนี้เสีย แต่เชื่อว่าระดับหนี้เสียสูงสุดของจะไม่เกิน 3.5% ซึ่งยังบริหารจัดการได้

ส่วนล่าสุดธนาคารออมสินได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย โดยชะลอการฟ้องร้องตามกฎหมาย สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียก่อน 1 ส.ค.นี้ โดยจะชะลอการฟ้องตั้งแต่ 2 ก.ย.จนถึง 31 ธ.ค.นี้ เพื่อลดแรงกดดันให้กับลูกหนี้กลุ่มนี้ที่มีราว 40,000 ราย

“เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป และเศรษฐกิจไทยและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้รายย่อย จะเริ่มฟื้นกลับมาเป็นปกติก่อนเกิดโควิด-19ภายใน 2 -3 ปี”