“อนุทิน” นำ สธ.แถลง ย้ำพร้อมคลายล็อกประเทศไทย หากสถานการณ์อยู่ในจุดปลอดภัย

วันนี้ (14 ม.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมกันแถลงข่าวประเด็นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย และมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ตนและผู้บริหารกระทรวงฯ ถือโอกาสในวันนี้ ชี้แจงกับประชาชนถึงสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มาสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนได้รับทราบ  ข้อเท็จจริงคือ หลังปีใหม่ เป็นต้นมายอดการติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาในประเทศ แต่ก็พบว่า จำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องใช้เตียงไอซียู เครื่องหายใจแสดงถึงความรุนแรงของโรคนั้น ไม่เพิ่มมากขึ้น 

ทั้งนี้ จากการศึกษาจากสถาบันต่างๆ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ รายงานตรงกันว่า โควิด 19 สายพันธุ์ โอมิครอน แม้จะติดเชื้อได้ง่าย แต่ความรุนแรงไม่เท่ากับเดลต้า ข้อมูลตรงนี้ เป็นประโยชน์มาก ในการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ต่อไป ซึ่งเราพร้อมสนับสนุนข้อเสนอจากคณะแพทย์ ของกระทรวงฯ จากสถาบันการแพทย์ การวิจัยต่างๆ รวมไปถึงทุกหน่วยงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อให้มีมาตรการทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติมากที่สุด

“ขอย้ำว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว  เรามีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย  ทางกระทรวงจะเร่งทำการเสนอศบค.ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้มากและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกัน หากมีเหตุอันตรายต่อประชาชน  กระทรวงฯก็พร้อมจะชี้แจง เสนอมาตรการเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า  ขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุข นำเสนอข้อเท็จจริง และไม่มีการปรุงแต่งตัวเลข ที่ผ่านมาเรารับทราบข้อมูลมาตลอด และนำเสนอออกไป ทั้งที่ทราบว่า อาจจะสร้างความตื่นตระหนก แต่ก็ถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ และจากข้อมูล จากภาควิชาการ วัคซีน ได้ทำงานแล้ว วัคซีน ทำให้เกิด ความปลอดภัย ช่วยลดอัตราการสูญเสีย ลดอาการป่วยหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายเชิญชวน ให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มแรก ให้เร่งเข้ารับวัคซีน ด้วยการเปิดวอร์คอินตามสถานบริการด้านการสาธารณสุข สำหรับผู้ที่ยังปฏิเสธวัคซีน ขอให้มั่นใจว่า วัคซีนที่เรานำมาให้บริการล้วนปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ใครก็ตาม ที่มารับวัคซีน ถือว่าท่านได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมแล้ว อย่างน้อย ท่านก็ช่วยในการควบคุมโรคระบาด และทำให้ผู้ที่ยังลังเลในการมารับวัคซีนมีความกล้ามากยิ่งขึ้น