“อนุทิน”วางเป้าพา “ภูมิใจไทย” เป็นพรรคหลักขั้วการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงอนาคตของพรรคภูมิใจไทย หลังกระแสข่าวลือเรื่องความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล ปม ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ว่า เมื่อสภาฯ บอกให้กลับไปแก้ ก็ต้องแก้ แม้จะมีเรื่องให้สงสัย แต่ก็เล่นตามกติกา และเรื่องนี้จะพยายามอย่างเต็มที่สุดความสามารถแน่นอน สำหรับพรรคภูมิใจไทย ตอนนี้มีความพร้อมเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง เมื่อคาดเดาไม่ได้ การเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทยรอบนี้ คือ การทำให้ดีกว่าเดิม และมองไปถึงการเป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง พรรคเราใช้นโยบายนำ และเชื่อมั่นว่าเรามีของดี ทำได้ ไม่ขายฝัน ที่สำคัญ คือ ความเอาจริง ความตั้งใจ และที่ผ่านมาก็ทำได้ลุล่วงในหลายนโยบาย จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่ไม่ยอมปล่อยมือ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในฐานะของการเป็นรัฐบาล จะเห็นว่า สามารถจำกัดวงความสูญเสียจากโควิด-19 จนนานาชาติ ยอมรับและชื่นชม ขณะที่ระบบคมนาคม มีการยกระดับมาโดยตลอด เมื่อเปิดประเทศการเดินทางก็พร้อมใช้งาน เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง พิสูจน์ว่าเราทำงานได้จริง มีประสบการณ์ งานในพื้นที่ทางพรรคให้สมาชิกลงไปพบประชาชน ฟังเสียงประชาชน รับทราบปัญหา หาทางแก้ไข และต้องทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม

“เราอยากเป็นต้นขั้วการเมือง อันนี้คือเป้าหมาย แต่ต้องดูด้วยว่าถึงเวลาแล้ว เราจะได้รับความไว้วางใจขนาดไหน การเป็นต้นขั้วการเมือง เป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง ถ้าเป็นรัฐบาล ก็สามารถผลักดันนโยบายได้มากขึ้นไปอีก แรงผลักดันมันสูงกว่า หรือถ้าเป็นฝ่ายค้าน การตรวจสอบก็มีความเข้มข้นขึ้น การทำงานเพื่อประชาชนจะมาผ่อนเครื่องกันไม่ได้ เหมือนกับเวลาลงพื้นที่หาเสียง เราก็ลุยเต็มสูบ” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ เหมือนจะมีปัญหา จะกลับมาจับมือเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีทิศทางของพรรค อย่างเรื่องการดำเนินนโยบาย อาทิ ประเด็น กยศ.ไม่มีดอกเบี้ย พรรคภูมิใจไทย สนับสนุนเรื่องนี้ และอีกหลายพรรคก็เห็นด้วย ชนะในชั้น ส.ส. ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครไปบอกว่าขัดแย้ง แต่พอมาเป็นเรื่องกัญชา กลับมองว่าทะเลาะกันแล้ว บาดหมางกันแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงคือ ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดยืนเป็นของตัวเอง

“สำหรับพรรคภูมิใจไทย เวลาจะโหวต ต้องคิดมาแล้วว่าประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติได้ประโยชน์ อาทิ การโหวต ม.272 ที่ฝ่ายค้านเสนอให้ตัดอำนาจ สว.เลือกนายกฯ พรรคก็โหวตด้วย จะเห็นว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มองว่าแกนนำรัฐบาลจะโหวตอย่างไร แล้วหวานเจี๊ยบไปโหวตตามเขาทุกเรื่อง เพราะเราก็มีแนวทางของพรรค  ส่วนเรื่องนายกฯ ของพรรค เราก็มีกติกาของเรา ใครเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ และต้องเป็นชื่อเดียว ไม่มีเบอร์ 2-3” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยแต่ละครั้ง ต้องผ่านการหารือกันมาก่อน ถ้าเสียงแตก ก็โหวตกันในพรรค ได้ผลอย่างไร ก็ยอมรับตามนั้น วิธีการตรงไปตรงมา และเราใช้วิธีนี้แก้ปัญหามาตลอด จะเห็นว่าพรรคมีเอกภาพ ไม่มีมุ้ง ไม่มีกลุ่ม เพราะกติกาของพรรคชัดเจน 

เมื่อถามว่า หลังเลือกตั้งวางแผนไว้หรือไม่ ว่าจะจับมือกับใคร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง แต่จะจับมือกับใคร ก็ต้องเอานโยบายไปคุย ซึ่งทุกพรรคก็มีนโยบายมีเงื่อนไข ถ้าหารือกันได้ ก็ทำงานร่วมกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขที่เรารับไม่ได้จริงๆ ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นรัฐบาล เราก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน  

“เอาเข้าจริง ไม่มีใครบอกได้ว่าการเมืองไทยนับจากนี้ จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ทำได้เลย คือ การทำงาน และลงพื้นที่ ตอนนี้ ต้องชนะใจประชาชนก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” นายอนุทิน กล่าว