“อนาคตใหม่” ชู “อีแอลซี” กิจกรรมนอกสภาระยะยาว

  • “ช่อ” เผยตั้งคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชน
  • ”เสธโหน่ง – ผู้การฯแมว -สารวัตรเพียว” ร่วมเกาะติดคดีจ่านิว
  • “สุรเชษฐ์” ชวนจับตา “ต่ออายุสัมปทานทางด่วน”

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานทั้งในและนอกสภาของพรรคอนาคตใหม่ โดยประเด็นแรก นางสาวพรรณิการ์ได้รายงานถึงกิจกรรมนอกสภาที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การจัดเวทีเพื่อรวบรวมปัญหาความคิดเห็นของประชาชน โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Life Corridor – ELC) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นโครงการคู่ขนานไปกับโครงการ EEC ของภาครัฐ ซึ่งมีการขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2558 และเต็มไปด้วยข้อวิจารณ์มากมาย

นางสาวพรรณิการ์ย้ำว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่มีนโยบายขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่การพัฒนาไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนการเอาคุณภาพชีวิตของประชาชนเข้าแลก พรรคอนาคตใหม่จึงเสนอกรอบความคิดระดบียงชีวิตภาคตะวันออก คู่ขนานไปกับนโยบายของรัฐ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานคุณภาพชีวิตของประชาชนและการมีส่วนร่วมเป็นไปได้ โดยภายในงานเมื่อวานนี้ มีการจัดฟอรั่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงนโนบายใน 6 ประเด็นที่ภาคประชาชนเป็นผู้เรียกร้องต้องการให้มีการแก้ปัญหา เช่นปัญหาประมง การจัดการน้ำ การจัดการขยะ สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ และปัญหาสัตว์ป่าบุกรุกพืชไร่ โดยมีตัวแทนจากพรรคอนาคตใหม่ทั้งที่เป็น ส.ส. คณะทำงาน และภาคประชาชนเข้าร่วม

“เวทีนี้ จะไม่ใช่แค่เวทีแลกเปลี่ยนเชิงนโยบาย แต่สิ่งต่างๆที่รวบรวมมาได้วันนี้จะนำไปสู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบานของพรรคทั้งสองระดับ ได้แก่ในระดับชาติ ผ่านกลไก ส.ส. 81 คนในสภาผู้แทนราษฎร และที่สำคัญคือการเมืองท้องถิ่น โดยสิ่งที่รวบรวมมาได้จะนำไปสู่นโยบายในการลงเลือกตั้งท้องถิ่นในภาคตะวันออก ในฐานะที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรค ELC จะเป็นเวทีที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อระหว่างประชาชนในพื้นที่ ภาคประชาสังคม กับพรรคอนาคตใหม่ในการจัดทำนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบที่ไม่ใช่แค่ทุนใหญ่ได้ประโยชน์ แต่เป็นการพัฒนาบนรากฐานของผลประโยชน์และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

ต่อมา นางสาวพรรณิการ์ ได้กล่าวถึงวาระการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธ-พฤหัสบดีที่จะถึงนี้ โดยวาระแรกคือวาระเร่งด่วนเกี่ยวกับราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ซึ่งจะเป็นการอภิปรายต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และจะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาประเด็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งมี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 6 คนร่วมเป็นสมาชิกด้วย โดยพรรคอนาคตใหม่จะมีการแถลงแนวทางการทำงานขับเคลื่อนในประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา นอกจากนี้ ยังมีญัตติเร่งด่วนที่เดี่ยวข้องกับเกษตรกรอีกประเด็น ในเรื่องของโครงการผันน้ำโขงชีมูล ซึ่ง ส.ส.ภาคอีสานของพรรคอนาคตใหม่เป็นผู้เสนอญัตติเข้าไป และยังมีญัตติด่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบผลกระทบจากคำสั่ง คสช. โดยคาดหวังว่าจะรำไปสู่การพิจารณายกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ผลที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและสิทธิพลเมืองของประชาชน ซึ่งได้รับการบรรจุเป็นวาระการประชุมในวันพุธนี้ด้วย แม้หลายคนจะมองเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่พรรคอนาคตใหม่ขอย้ำว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน การคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรัฐเป็นเรื่องใหญ่ ที่จะต้องไม่ถูกปล่อยปะละเลยให้เกิดขึ้นต่อไปอีกเด็ดขาด

นอกจากนี้ ยังมีวาระการอภิปรายถึงโครงการสัมปทานขนาดใหญ่ของรัฐ นั่นคือประเด็นการต่อขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนมูลค่ากว่า 430,000 ล้านบาท โดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและที่ปรึกษาด้านนโยบายคมนาคมพรรคอนาคตใหม่ ร่วมอภิปราย

ด้าน นายสุรเชษฐ์ ร่วมแถลวข่าวต่อสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่าประเด็นเร่งด่วนของเรื่องนี้ คือมีความพยายามนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาอนุมัติในที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนต้องขอให้ภาคประชาขนและสื่อมวลชนร่วมกันจับตามอง ว่าจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้หรือไม่ เรื่องนี้เกิดจากค่าโง่ในกรณีพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) 4,300 ล้านบาทที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ในการพิจารณาของ ครม.ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีความพยายามที่จะพ่วงอีกสองก้อนใหญ่เข้าไป คือการสร้างทางด่วนใหม่และการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทอีกกรณีหนึ่งซึ่งมูลค่ายังไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งจะมีการขยายจากค่าโง่ 4,300 ล้านบาทให้กลายเป็นค่าแกล้งโง่ 430,000 ล้านบาท จุดนี้พรรคอนาคตใหม่ต้องการให้หยุดการพิจารณาอนุมัติไว้ก่อน เพื่อให้สภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเข้าไปตรวจสอบก่อน และขอให้ประชาชนร่วมกันกดดันอย่าเพิ่งใหมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้ นายสุรเชษฐ์ยังขอให้ร่วมกับจับตาดูท่าทีของแต่ละพรรคการเมืองในการประชุมสภาวันพุธนี้ โดยตนขอย้ำว่าจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่เป็นที่ชัดเจน ว่าสัญญานี้มีเงื่อนงำ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบก่อน และทางพรรคอนาคตใหม่จะสนับสนุนญัตตินี้ที่เสนอมาโดยพรรคฝ่ายรัฐบาล ที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบในรายละเอียด ซึ่งญัตตินี้มีความแปลกแต่ดี คือมีการเสนอให้เข้าไปตรวจสอบการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาล คสช. โดยมาจากคนที่ยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังดีตรงที่ญัตตินี้จะผ่านแน่นอน หากไม่มีการกลับลำจากผู้เสนอญัตติ เพราะเป็นการเสนอมาจากฝ่ายรัฐบาล และเราพร้อมที่จะสนับสนุน ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง เราพร้อมที่จะสนับสนุนการตรวจสอบจากภาครัฐในทุกเรื่อง

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนต้องตั้งข้อสังเกตไว้ว่ามีความประหลาดเกิดขึ้นเกี่ยวกับญัตตินี้ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีความพยายามเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาก่อน เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วน แต่อยู่ๆก็มีสัญญาณประหลาดโผล่มา ให้ผู้เสนอญัตติไปหารือกับวิปรัฐบาล แต่ผลที่ออกมาก็คือมีการถอนญัตติที่จะให้เลื่อนวาระนี้ขึ้นมาอภิปรายก่อน ให้ไหลไปตามธรรมชาติ เป็นการพูดคุยในวันพุธที่จะถึงนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนจึงขอให้สื่อมวลชนช่วยกันจับตากับพวกเรา ว่าผู้เสนอญัตตินี้ซึ่งเป็น 21 เสียงจากพรรคฝ่ายรัฐบาล จะมีการกลับลำหรือไม่ รวมถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรองหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคมเอง ได้ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าสัญญานี้มีเงื่อนงำ จะกลับลำด้วยหรือไม่

“ขอให้สังเกตการกลับลำ ถ้าใครกลับลำหรือถอนญัตติก็จะเป็นการน่าเกลียดมาก จุดยืนของพรรคอนาคตใหม่ คือค่าโง่ 4,300 ล้านบาทให้จ่ายไปก่อน การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีรายได้พอจ่าย จ่ายไปก่อนเลยสามารถจ่ายหมดได้ภายใน 1 ปี ที่เหลืออีกว่า 130,000 ล้านบาทต้องใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียด แต่นี่เขาเล่นจะเอามาพ่วงเข้าด้วยกัน นอกจากนั้นเขายังเสนอจะสร้างทางด่วนใหม่ขึ้นมาอีกเส้น ซึ่งมูลค่าก่อสร้างก็ยังไม่มีใครรู้ชัดเจน แต่ก็จะแอบพ่วงไป การทางพิเศษประมาณการณ์มาราคาหนึ่ง ทางบริษัทประมาณการณ์มาอีกราคาหนึ่ง อะไรคือความยุติธรรมเพราะแบบก็ยังไม่มี ยังไม่มีการศึกษาความเหมาะสมในรายละเอียด เมื่อเทียบกับโครงการอื่นมันต้องมีกระบวนการคือทำ feasibility studies ทำ detail design ผ่านกระบวนการ PPB นี่ไม่มี เหมามาเลยว่าคิดเป็น unit cost ออกมาแล้วคำนวนออกมาได้ราคานี้ 31,500 ล้านบาท และขอขยายสัมปทานอีก 15 ปีในส่วนนั้น เพราะฉะนั้นมันเลยมีเงื่อนงำว่าจากก้อนเล็กๆที่ต้องจ่าย มาบวกก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วมาบวกก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แล้วจะมาเหมาเข่ง 30 ปี 430,000 ล้านบาท อันนี้ไม่โปร่งใสแน่ๆ” นายสุรเชษฐ์กล่าว

สุดท้าย นางสาวพรรณิการ์ ได้แถลงต่อในประเด็นการทำร้ายนักกิจกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงกรณีของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ที่ได้รับการจับตาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยล่าสุดได้มีการออกแถลงการณ์ประณามและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนโดย FORSEA ซึ่งเป็นองค์กรนักเคลื่อนไหวระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของสถานะและการได้รับการยอมรับของรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ประเทศไทยผ่านรัฐบาล คสช.ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติมา 5 ปี พฤติกรรมในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมีส่วนอย่างมากที่รัฐบาลต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศระดับโลก จะพิจารณาว่าสถานะของรัฐบาลไทยควรได้รับการยอมรับในระดับไหน

ส่วนกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่านี่คือเรื่องของการทวงหนี้หรือไม่ ตนอยากให้ย้อนกลับไปดูภาพใหญ่ในรอบ 18 เดือนก่อนถึงการเลือกตั้ง มีการทำร้ายร่างกายคุกคามนักเคลื่อนนไหวถึง 15 ครั้ง มากที่สุดคือในกรณีของนายเอกชัย หงส์กังวาน ตามมาด้วยกรณีของนายสิรวิชญ์ รวมถึงถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ยังมีกรณีที่นายสิรวิชญ์เคยถูกชายแต่งกายคล้ายทหารอุ้มไปจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย นำไปข่มขู่ไม่ให้เคลื่อนไหวอีกก่อนถูกปล่อยตัวออกมา

“จ่านิวรวมถึงนักกิจกรรมหลายหลายคนในประเทศไทย ไม่ได้เพิ่งถูกคุกคามครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรือในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก นี่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ และถ้าไปดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะเห็นได้ชัดว่าเป็นพฤติกรรมที่มืออาชีพ เป็นพฤติการณ์ที่จะทำกับใคร บุคคลที่เป็นนักกิจกรรมมีต้นทุนทางสังคมต่ำเหล่านี้ เป็นบุคคลที่ถูกกระทำทำร้ายโดยยังไม่มีใครต้องรับผิด” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีความกังวลต่อประเด็นนี้อย่างมาก และต้องการร่วมขับเคลื่อนความคืบหน้าในการสืบสวน โดยขอให้ประชาชนร่วมกันส่งหลักฐานต่างๆมาที่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อดำเนินการติดตามความคืบหน้า สำหรับประชาชนที่มีข้อมูลพยานหลักฐาน แต่ไม่กล้าที่จะดำเนินการด้วยตนเอง ด้วยความหวาดกลัวหรือไม่ทราบขั้นตอน โดยพรรคอนาคตใหม่จะขับเคลื่อนเรื่องนี้ในสภาอย่างเต็มที่ และจะมีการตั้งกระทู้และคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามกรณีการคุกคามนักเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย ในการนี้ พรรคอนาคตใหม่ยังได้จัดตั้งคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนของพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาได้แก่พล.ท. พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค,รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ,อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ,พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ,ณัฐวุฒิ บัวประทุม,ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถึงนางสาวพรรณิการ์ วานิช ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนของนักกิจกรรม ตำรวจ ทหาร และทนายความ เพื่อติดตามกรณีการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งกรณีที่ได้เกิดขึ้นมา และกรณีอื่นๆที่มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งที่ผ่านมาและจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตด้วย