ห่วงกลุ่มเปราะบางทนพิษบาดแผลจากโควิด ของแพง ดอกเบี้ยขึ้นไม่ไหว 

  • ขยับความช่วยเหลือคลีนิกแก้หนี้ให้รับแก้หนี้ที่เป็นเอ็นพีแอลก่อน 1 ก.พ.ปีนี้ได้
  • กำลังหารือต่ออายุโครงการสินเชื่อฟื้นฟูฯ-พักทรัพย์พักหนี้
  • ธปท.ยันฐานะแบงก์ยังแกร่ง กำไรงาม

น.ส. สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา และแนวทางออกเพิ่มเติมมาตรการในการดูแลลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ว่า ระบบธนาคารพาณิชยของไทยมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสํารอง และสภาพคล่องอยู่ใน ระดับสูง ทําหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4 ของธนาคารพาณิชย์ในปี 65 เพิ่มขึ้น 30.7% จากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทั้งปีสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ใน ปี 2565 ขยายตัวที่ 2.1% ชะลอลงจากปีก่อน ขณะที่ไตรมาสที่ 4 การปล่อยสินเชื่อชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการชําระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ การคืนหนี้ของภาครัฐ และการครบระยะเวลาการกู้ยืมของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี (Soft loan) ของทางการ รวมทั้งการโอนพอร์ตรายย่อยไปยังบริษัทลูกขอธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งไปยังบริษัทบริหารหนี้

ทั้งนี้ การขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ลดลง 1.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ลดลง 2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2  ขณะที่สินเชื่อเพื่อการอุปโภคขยายตัวลดลงทั้งหมด ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สินเชื่อบัตรเครดิตที่ขยายตัวลดลง 14.2% นั้น เนื่องจากมีการขยายพอร์ตสินเชื่อของบางธนาคาร แต่หากตัดส่วนนี้ไปสินเชื่อบัตรเครดิตจะขยายตัว 6.8% ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ชะลงจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัว 10.9%

Thai money in Brown leather wallet on white background

ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. กล่าวต่อว่า จากการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL: เอ็นพีแอล) สิ้นปี 65 ลดลงมาอยู่ที่ 499,200 ล้านบาทหรือ 2.73% ของสินเชื่อรวม ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้่า โดยส่วนที่ลดลงมาจากสินเชื่อภาคธุรกิจเป็นหลัก ขณะที่สินเชื่อเพื่อการบริโภคหนี้เอ็นพีแอลยังทรงตัวเท่าเดิม โดยสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิตมีสัดส่วนหนี้เสียที่ปรับเพิ่มขึ้น

“ธปท.ยังต้องติดตามความสามารถในการชําระหนี้ของภาคครัวเรือนและการฟื้นตัวของธุรกิจบางกลุ่มเนื่องจากจากผลกระทบของโควิดที่ยังต่อเนื่อง ค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก และดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ส่งผลให้หนี้เอ็นพีแอลในอนาคตยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยไม่ให้เพิ่มขึ้นรุนแรง ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนล่าสุดไตรมาสที่ 3 ของไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ 86.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง ขณะนี้ ธปท.ได้เพิ่มการติดตามหนี้ของภาคเอกชน โดยพบว่า หนี้ภาคธุรกิจโดยรวมของไทยต่อจีดีพี ไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 87.1% ของจีดีพี ลดลงจากในช่วงโควิดที่เพิ่มสูง และเมื่อพิจารณาจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังรองรับได้ แต่ต้องติดตามธุรกิจในกลุ่มเปราะบางที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด”

น.ส. สุวรรณี กล่าวต่อว่า เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสียในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ธปท.ได้ปรับเงื่อนไขคุณสมบัติของลูกหนี้เอ็นพีแอลที่จะเข้ามาร่วมปรับโครงสร้างหนี้ผ่านช่องทางคลินิกแก้หนี้ โดยให้สามารถรับแก้หนี้ของลูกหนี้ที่เป็นหนี้เอ็นพีแอลก่อนวันที่ 1 ก.พ.66 นี้ได้เพื่อช่วยลูกหนี้ที่เพิ่งเป็นเอ็นพีแอลในช่วงปลายโควิดได้  ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา คลินิกแก้หนี้ไปแล้ว 1.5 แสนบัญชี จากลูกหนี้ 36,000 ล้านราย (รายละ 2-3 บัญชี) คิดเป็นวงเงินที่แก้หนี้ได้ 7,140 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังกำลังเจรจากับเจ้าหนี้เพิ่มเติมโดยให้ทั้งแรงจูงใจ เพิ่มข้อจำกัด เพื่อให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในโครงการคลินิกแก้หนี้เพิ่มขึ้น จากขณะนี้ที่มี 35 รายเพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือลูกหนี้ให้มากขึ้นจากขณะนี้ครอบคลุมประมาณ 70%

“ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะเป็นวันครบกำหนดความช่วยเหลือของโครงการสินเชื่อฟื้นฟูฯ เพื่อช่วยเอสเอ็มอีรายเล็ก และโครงการพักทรัพย์พักหนี้ รวมทั้งครบกำหนดความช่วยเหลือพิเศษของธปท.เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ เร่งปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ มองว่า แม้จะสิ้นสุดความช่วยเหลือพิเศษแล้วแต่แบงก์จะยังคงมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง ขณะนี้เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะช่วยลูกหนี้ได้ในระดับหนึ่ง ส่วนโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพักทรัพย์พักหนี้ ธปท.กำลังหารือในรายละเอียดเพื่อที่จะพิจารณาว่าจะต่อโครงการได้หรือไม่อย่างไร แต่ในภาพใหญ่นั้นการออกโครงการมีข้อยืดหยุ่นสูง และมีโอกาสที่จะต่อโครงการนี้ออกไปได้อีก 1 ปี ซึ่งหากได้ผลการต่ออายุแล้วจะมาชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง”