สัปดาห์ที่แล้ว “คุณนายพารวย” พาทำความรู้จักกับ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ด้วยการเลือก “ลงทุนในหุ้นยั่งยืน” หรือบริษัทที่ไม่ได้มุ่งเพียงตัวเลขทางการเงิน แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้สร้างความยั่งยืนและผลดีระยะยาวให้ธุรกิจอย่างแท้จริง
ปัจจุบันบริษัทในตลาดหุ้นไทยจำนวนมาก เริ่มให้ความสำคัญกับ ESG อย่างเข้มข้น จากการส่งเสริมของตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่น่าภูมิใจคือ ปี 63 มีบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไทย ได้รับคัดเลือกเข้าดัชนีด้านความยั่งยืนระดับโลก DJSI World ถึง 11 บริษัท และยังได้รับเข้าดัชนี DJSI EM (Emerging Market) มากถึง 21 บริษัท สูงสุดในอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7!!
แนวคิดด้านความยั่งยืน มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกกว่า 3,000 แห่ง มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการรวมมากกว่า 100 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ลงนามสนับสนุนหลักการ PRI หรือหลักปฏิบัติสำหรับการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบที่จัดทำโดยองค์การสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม คำถามที่ผู้ลงทุนอยากรู้ ย่อมหนีไม่พ้นว่า การที่เราเลือกลงทุนในหุ้นยั่งยืนนั้น จะสร้างผลตอบแทนกลับมามากน้อยแค่ไหน?? วันนี้ “คุณนายพารวย” มีคำตอบให้แล้ว
ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รายงานผลการทดลองจัด portfolio ลงทุนในหุ้นไทยตามดัชนี DJSI EM เพื่อศึกษาผลตอบแทนรวมสะสมย้อนหลัง 5 ปี (4 ม.ค.59 – 17 ก.พ.64) โดยกระจายน้ำหนักการลงทุนเท่าๆ กันทุกตัว พบว่าให้ผลตอบแทนรวมสะสมที่ 51% มากกว่าดัชนี SET100 TRI ที่ใช้เปรียบเทียบอยู่ถึง13%
นอกจากนี้่ ยังพบด้วยว่า หุ้นที่อยู่ในกลุ่มยั่งยืนนี้ ยังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากขึ้น ภายหลังจากเข้าร่วมดัชนี DJSI EM สภาพคล่องหรือมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ลงทุนต่างชาติ เมื่อโฟกัสไปที่มูลค่าซื้อขายใน Non-Voting Depository Receipt (NVDR) ซึ่งเป็นตราสารหรือช่องทางลงทุน ที่ได้รับความนิยมจากต่างชาติ พบว่าหลังเข้าร่วมดัชนี มูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยของ 21 หุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี DJSI EM ผ่าน NVDR เพิ่มขึ้นปีละ 11% (มูลค่าซื้อขายตลาดรวมเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 4%)
นอกจากนี้ ยังพบว่า มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิในแต่ละปีของหุ้นไทยในดัชนี DJSI EM โดยเฉลี่ยมีสถานะเป็นซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าซื้อสุทธิสะสมช่วง 3 ปีหลังเข้าร่วมดัชนีเพิ่มขึ้นปีละ 32%!!
ทั้งหมดนี้ ตอกย้ำว่าการลงทุนในหุ้นที่เน้นความยั่งยืน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาวได้เช่นกัน กำไรที่ได้จากการลงทุนในหุ้นยั่งยืนยังทำให้ภาคภูมิใจได้ว่าเราได้ลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใส่ใจสังคม และเป็นการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่สร้างมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกที่ยั่งยืน
ดังนั้น มือใหม่หัดลงทุนอย่างพวกเรา ควรเริ่มต้นหาหุ้นยั่งยืนมาประดับพอร์ต เพื่อความมั่งคั่งที่ยั่งยืนกันเถอะ!!
#Thejournalistclub #คุณนายพารวย#รู้เก็บรู้ออม#รู้ใช้รู้ลงทุน#สู่ความมั่งคั่ง