หวั่นล็อกดาวน์รอบ 2 ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งลงกว่า 710 จุด

  • นักลงทุนวิตกจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • นักวิเคราะห์ระยุ หากต้องกลับไปล็อกดาวน์รอบ2เศรษฐกิจทรุดแน่
  • ไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ติดลบ 8%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 มิ.ย.ที่ 25,445.94 จุด ร่วงลง 710.16 จุด หรือ -2.72% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,050.33 จุด ลดลง 80.96 จุด หรือ -2.59% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส หลุด 10,000 จุด ปิดที่ 9,909.17 จุด ลดลง 222.20 จุด หรือ -2.19%

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม30%ในสหรัฐตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐฟลอริดาพุ่งขึ้น 5,508 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย ที่พุ่งขึ้นสูงสุดไปก่อนหน้า ขณะที่รัฐแอริโซนาและเท็กซัสมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน หลังประกาศยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาด

ปัจจัยดีงกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะเดียวกัน รัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัต เริ่มมีคำสั่งให้กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างรัฐเป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่รัฐวอชิงตันได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

นักวิเคราะห์จากบริษัทแซคส์ อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างมากในสหรัฐทำให้นักลงทุนหวั่นวิตกว่า รัฐบาลอาจประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เนชันแนล ซิเคียวริตีส์ ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและการล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแออยู่แล้วนั้น ให้ย่ำแย่ลงอีก

นอกจากนั้น ตลาดหุ้นยังวิตกกังวลมากขึ้น หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ออกรายงานปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะหดตัวลง 3% และเตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก จากผลกระทบที่รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนั้น ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวติดลบสูงถึง 8%ในปีนี้ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ติดลบ 5.9%

ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% จากความไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรศฐกิจโลก ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.7% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4.17% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 8.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดลง 9.07%

หุ้นกลุ่มการสายการบิน กลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม ซึ่งเคยถูกคาดหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 8.34% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.86% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 7.19%

ขณะที่หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทรุดตัวลง 11.26% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 11.26% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 6.2% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 3.2% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 8.3%