ส.อ.ท.เผยความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน

  • เดือนก.ค.อยู่ที่ 82.5 แต่ยังต่ำกว่าระดับ 100
  • ชี้มีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้นหลังโควิด-19คลี่คลาย
  • ขอรัฐบาล ขยายอายุเยียวยาผู้ประกอบการ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมาว่า อยู่ที่ระดับ 82.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่อยู่ที่ ระดับ 80.0 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3ติดต่อกัน หลังพบว่าการฟื้นตัวของภาคการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมทุกประเภท มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ทำให้กิจการต่างๆ กลับมาดำเนินการได้มากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม สินค้าวัสดุก่อสร้าง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เช่น งานมอเตอร์ โชว์ และโปรโมชั่นมิด เยียร์ เซล ของห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นต้น

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า แม้ว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ จะเพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าระดับ 100 และยังต่ำกว่าก่อน การระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสภาพคล่องของกิจการตนเอง และการเข้าถึงสินเชื่อที่ทำได้ลำบาก รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ตลอดจนความเสี่ยงของการกลับมาระบาดรอบสองของโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการภาคอุตสาหกรรมทุกประเภท

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 93.0 เพิ่มขึ้นจาก 90.1 ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จากความเชื่อมั่น ที่ ปรับตัวดีขึ้นทุกองค์ประกอบอาทิคำสั่งซื้อ ยอดขาย เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการมองว่าภาคการผลิตเริ่มมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น หากไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบสอง จะทำให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการต่อไปได้ อย่างต่อเนื่อง

“ค่าดัชนีความเชื่อมั่น ฯ ที่ยังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอนาคต ยังอยู่ในระดับที่ ต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากยังมีหลายๆปัจจัย ที่สร้างความกังวลของผู้ประกอบการ เกี่ยวกับเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจพบปัจจัย ที่คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม มีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศคิดเป็น 51.8%จากผู้ตอบแบบสอบถาม นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ ราคาน้ำมัน คิดเป็น38% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ คิดเป็น22% ตามลำดับ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง คือ สภาวะเศรษฐกิจโลก ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นคิดเป็น67.9% และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฯคิดเป็น44.3%

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐ ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่จะทยอยสิ้นสุดอายุการช่วยเหลือในเดือนก.ย.นี้ ออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ เช่น การพักหนี้ ลดเงินนำส่งประกันสังคม เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการลงทุนของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เป็นต้น