“สุริยะ”แกนนำกลุ่มสามมิตรฉุนถูกสลับตำแหน่งรัฐมนตรีจ่อ!ยกทีมออกไม่ร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ”ประยุทธ์2” นั้นยังไม่สามารถสรุปผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในส่วนของโควต้าพรรคพลังประชารัฐได้ โดยเฉพาะใน “กลุ่มสามมิตร” ที่มีกระแสข่าวว่าไม่ได้รับตำแหน่ง และมีการเปลี่ยนตัวมาโดยตลอด กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา จะต้องมีการกรอกคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี กลับปรากฎว่ารายชื่อของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกเปลี่ยนจากเดิมที่ได้โควต้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กลับถูกเปลี่ยนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแทน ในขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กลับเปลี่ยนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานแทน นอกจากนั้นยังกลับมีรายชื่อนายเทวัญ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนาเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมช.อุตสาหกรรม

ในขณะที่นายอนุชา นาคาศัย กลับไม่ได้ตำแหน่ง รมช.คลัง ตามที่ได้เคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเรียกแกนนำไปหารือ ก่อนที่นายสุริยะจะเดินทางไปรับปริญญาลูกชายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในตอนนั้นก็เป็นที่สรุปเรียบร้อยแล้วในส่วนของ พปชร.ว่าใครจะได้ดำรงตำแหน่งไหนบ้างใน ครม.”ประยุทธ์2”

นอกจากนั้นได้มีกระแสข่าวว่าแกนนำ กกปส. ในพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ , นายทหารคนสนิทของนายกรัฐมนตรี และกลุ่มนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม รวมถึงผู้บริหารหนังสือพิมพ์เครือกรุงเทพธุรกิจ ได้มีการประชุมร่วมกันเมื่อช่วงคืนของวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางว่าใครควรที่จะอยู่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหนบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้นายสุริยะ และกลุ่มสามมิตรมีความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่เป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันนี้ (28 มิ.ย.2562) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ในเรื่องที่มีกระแสข่าวถึงการปรับปลี่ยนตนไม่ให้ไปอยู่กระทรวงพลังงานเป็นเรื่องจริง ซึ่งก็ตนเองยังงงว่า ทำไมเมื่อการเจรจาและได้ข้อสรุปกันหมดแล้วกลับมาปรับเปลี่ยนเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งหากตนได้ไปดำรงตำแหน่งเป็น รมว.พลังงาน ก็จะทำงานเต็มที่ไม่ได้ไปรื้อนโยบาย หรือโครงการใดๆ อย่างที่หลายคนกลัวกัน ใครเคยทำอะไรก็ทำต่อไป และที่ผ่านมายอมรับว่าตนก็ได้ลดบทบาท รวมถึงยอมถอยไปมากแล้ว แต่พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีก็แจ้งว่าจะพยายามเคลียร์ปัญหาให้อยู่

“ยอมรับว่าเมื่อมีปัญหามากนักอาจจะต้องทบทวนบทบาทของกลุ่มสามมิตร  หรือถอยออกมาเลย ไม่ยุ่งเกี่ยวดีไหม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากกลุ่มที่ไม่ได้รับผลประโยชน์”