สภาพัฒน์เผยจีดีพีไตรมาสแรกปี66 ขยายตัว 2.7%

สภาพัฒน์เผยจีดีพีไตรมาสแรกปี66 ขยายตัว 2.7% คาดปี 2566 ยังคงประมาณการอยู่ที่จีพีดีขยายตัว 2.7-3.7% มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว

  • ฝากการบ้านรัฐบาลใหม่
  • เร่งส่งออก-แก้ปัญหาปากท้อง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในไตรมาสแรกปี 2566 ขยายตัว 2.7% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.4% โดยปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 5.4% การลงทุนรวมขยายตัว 3.1% เป็นการลงทุนภาครัฐ 4.7% และการลงทุนภาคเอกชน 2.6%  ภาคเกษตรขยายตัว 7.2% ภาคบริการขยายตัว 5.2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์ขยายตัว-4.6%

สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2566 ยังคงประมาณการอยู่ที่จีพีดีขยายตัว 2.7-3.7% มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการว่านักท่องเที่ยวทั้งปี 2566 อยู่ที่ 28 ล้านคน มีรายได้ 1.27 ล้านล้านบาท

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในปีนี้คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการเงินโลก,ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย, ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร และเงื่อนไขและบรรยากาศทางการเมืองหลังเลือกตั้ง เนื่องจากมีแนวโน้มความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณประจำปี 2567

เลขาธิการสศช.ยังกล่าวถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศด้วยว่า ขึ้นกับนโยบายของพรรคการเมืองที่จะเป็นรัฐบาล ปัญหาหลักที่ต้องเร่งแก้ไขคือ ต้องเร่งการส่งออกสินค้า ปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาพลังงาน ไฟฟ้า ก๊าซ ดูแลราคาพลังงานจะมีมาตรการอย่างไร  อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจภายในประเทศไม่มีปัญหายังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งการบริโภค และการท่องเที่ยว