“ศักดิ์สยาม”ย้ำ มาตรการใบรับรองแพทย์ ทั่วโลกเป็นการช่วยกัน”Safe Thailand”

คมนาคมยืนยันมาตรการใบรับรองแพทย์ทั่วโลก ที่ กพท.ออกประกาศเป็นมาตรการปกป้องไม่ให้เกิดการระบาดของโควิด-19 จากต่างประเทศเข้าสู่ไทย ส่วนหากคนไทยในประเทศใดขอใบรับรองแพทย์ไม่สะดวกขอให้ติดต่อสถานทูตให้ความช่วยเหลือทันที

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) วันนี้ (20 มี.ค. 2563) ว่าที่ประชุม กบร. ยังได้หารือถึงข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกประกาศฉบับล่าสุด เมื่อวานนี้ (19 มี.ค. 2563) เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ทำการบินมายังประเทศไทย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2563 เวลา 00.00 น. ของประเทศไทย เป็นต้นไปนั้น โดยประกาศดังกล่าว เป็นการใช้มาตรการทางด้านสาธารณสุข โดยใช้ใบรับรองแพทย์ เพื่อปกป้องประชาชนภายในประเทศ และผู้ที่จะเดินทางมายังประเทศไทยจากทั่วโลก

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยไมได้มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วนำไปสู่การนำเข้ามาระบาดในประเทศ และขอย้ำอีกครั้งว่า ประกาศ กพท. ดังกล่าว ไม่ได้ห้ามให้เข้าประเทศ แต่ทุกคนที่เดินทางเข้ามา จะต้องผ่านกระบวนการทางการแพทย์

ส่วนประเด็นที่การขอใบรับรองแพทย์ในบางประเทศ อาจไม่สะดวกในช่วงนี้ทำให้เป็นอุปสรรคในการที่จะได้เอกสารทางการแพทย์มาซื้อตั๋วเครื่องบินในการเดินทาง กลับประเทศของคนไทย เช่นในประเทศอิตาลี ซึ่งหากคนไทยที่มีความประสงค์เดินทางมีปัญหาขอให้รีบติดต่อสถานทูตไทยในประเทศดังกล่าวทันที เพื่อให้ออกมาตรการช่วยเหลือต่อไป

“ท่านนายกฯ ได้สั่งการให้ กพท. ออกประกาศ เนื่องจากได้พิจารณาความรุนแรงของสถานการณ์ที่ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ในประเทศไม่ได้รุนแรงมาก ดูจากยอดผู้ติดเชื้อ ซึ่งแม้จะมียอดสะสมมาก แต่ยอดที่รักษาหาย ก็มากเช่นกัน เราต้องดูข้อมูลให้สมบูรณ์ อย่าตื่นตระหนก ผมยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขของไทยมีประสิทธิภาพดีมาก โดยการออกประกาศล่าสุดนั้น เพื่อปกป้องคนในประเทศทั้งหมด รวมไปถึงทางน้ำ และทางบกด้วย ซึ่งถ้าประชาชนช่วยกัน Safe Thailand ก็จะสำเร็จ” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังวันที่ 22 มี.ค. นี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะดำเนินการเอกซเรย์พื้นที่ทั้งประเทศ โดยสั่งการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีอยู่ล้านกว่าคนทั่วประเทศ เข้าไปช่วยดูประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีความสุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นการสร้างความมั่นใจด้วย นอกจากนี้ ในขณะนี้ พลเอกประยุทธ์ อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติภายหลัง 14 วันที่ประกาศให้ปิดสถานบริการ (18-31 มี.ค. 2563) ว่าสถานที่ต่างๆ ที่จะกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติ จะมีแนวปฏิบัติอย่างไร