ศบศ.ชงขอใช้เงินกู้เพิ่มอีก 43,500 ล้านบาท ใช้คนละครึ่ง เฟส 2-เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

  • คนละครึ่งเฟสแรกได้เพิ่ม500 บาท ของเดิมไม่ต้องรีบใช้ให้หมด
  • เราเที่ยวด้วยกันขยายสิ้นสุดเม.ย.2564
  • เพิ่มสิทธิ์พักเป็น 15 คืน และขยายห้องพักเพิ่มอีก 1ล้านห้อง

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ) หรือ ศบศ. เห็นชอบมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่สอง และมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมใช้เงินเพิ่มอีก 43,500 ล้านบาท โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่สอง จะเปิดให้มีการลงทะเบียนรับสิทธิเพิ่มเติมอีก 5 ล้านคน โดยจะได้รับวงเงินคนละ 3,500 บาท ผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่หนึ่ง เนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายภายใต้โครงการภายในวันที่กำหนดไว้หลังจากที่ลงทะเบียนรับสิทธิไปแล้ว จะยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระยะที่สองได้ มีกำหนดการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 มี.ค. 2564 โดยรูปแบบการใช้จะเหมือนกับระยะแรกที่ภาครัฐจะร่วมจ่าย 50 %แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน ขณะเดียวกัน จะเพิ่มวงเงินผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่หนึ่ง อีกคนละ 500 บาท จากเดิมได้รับอยู่คนละ 3,000 บาท และขยายระยะเวลาการใช้สิทธิมาตรการระยะที่หนึ่งออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2564 ฉะนั้น วงเงินเดิมไม่ต้องใช้ให้หมดภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ โดยทั้งหมดนี้ต้องใช้เงิน 22,500 ล้านบาท คาดเปิดรับลงทะเบียนได้ครึ่งหลังของเดือนธ.ค.

ขณะเดียวกัน ศบศ.เห็นชอบมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน โดยมีระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงเดือนมี.ค. 2564 เพิ่มเติมจากเดิมที่ให้เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ศบศ.เห็นชอบปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ประกอบด้วย ขยายขอบเขตการใช้สิทธิจำนวนการจองห้องพักจากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน (Room night) ต่อ 1 สิทธิ เพิ่มเป็น 15 คืนต่อ 1 สิทธิ และขยายช่วงเวลาการจองที่พัก จากเวลา 06.00 – 21.00 น. เป็นเวลา 06.00 – 24.00 น. และเพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการอีก 1 ล้านคืน จากเดิม 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน โดยปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 900,000 คืน พร้อมกันนี้ ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการถึง 30 เม.ย. 2564 จากเดิมสิ้นสุด 31 ม.ค.2564 ให้เพิ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตฯ แต่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เข้าร่วมโครงการได้ ขณะที่ขยายการใช้อี-วอลเชอร์ที่รัฐให้วันละ 600-900 บาทสำหรับ ธุรกิจการขนส่งภาคท่องเที่ยว รถเช่า เรือเช่า ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพได้ด้วย ตลอดจนปรับปรุงเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินจากเดิมรัฐสนับสนุน 40% แต่สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่ภาคท่องเที่ยวพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย และกำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักร้อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

นอกจากนี้ เห็นชอบโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ หรือ เที่ยวไทยวัยเก๋า สำหรับผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป และจะต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวโดยมีระยะเวลาของโปรแกรมการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน และเดินทางท่องเที่ยวได้เฉพาะวันธรรมดา (เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) โดยมีราคาค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคนต่อโปรแกรม และรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายคนละ 5,000 บาท สำหรับบริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดทะเบียนดำเนินธุรกิจ ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2563

ทั้งนี้ บริษัทนำเที่ยวแต่ละรายสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการได้ไม่เกิน 3,000 ราย โดยโครงการมีระยะเวลาการดำเนินการ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 1 ล้านคน ใช้วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยไม่ของบเพิ่มเติม เนื่องจากเงินในโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ขอไว้ 20,000 ล้านบาทยังใช้ไม่หมด ตลอดจน เห็นชอบการปรับปรุงโครงการกำลังใจ โดย เปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้โดยใช้หลักเกณฑ์เดิมของโครงการ และ บริษัทนำเที่ยวที่กรอกรายการนำเที่ยวไม่ครบ 15 รายการ สามารถกรอกเพิ่มเติมได้

ทั้งนี้ หากกรอกครบ 15 รายการแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมได้อีก กำหนดระยะเวลาที่จะเปิดให้สมัครเข้าร่วมโครงการและกรอกรายการนำเที่ยวภายใน 15 ธ.ค. 2563 ตลอดจน