“วิชัย”ซุ่มเงียบปฏิบัติงานสำนักนายกฯตามคำสั่ง”บิ๊กตู่”

  • หลังปลัดพาณิชย์ไม่เซ็นให้ลาออกแต่ให้พักร้อนแทน
  •  เผยไม่รู้ได้กลับกรมการค้าภายในหรือไม่รอนายกฯเคาะ
  •  พาณิชย์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตุนหน้ากากเพิ่มอีกชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.63 นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เดินทางไปรายงานตัวต่อปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ที่ 80/2563 เรื่องข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 มี.ค.63 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยของรัฐบาลภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และให้มีการตรวจสอบเรื่อการกักตุนหน้ากากอนามัยด้วย

สำหรับการรายงานตัวดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายวิชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต่อนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.63 หลังจากรับทราบคำสั่งย้ายของนายกรัฐมนตรี แต่นายบุณยฤทธิ์ได้ยับยั้งการลาออก และไม่ลงนามในหนังสือลาออกดังกล่าว แต่ได้อนุมัติให้นายวิชัยลาพักร้อนได้ 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 23 เม.ย.นี้

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้เดินทางไปรายงานตัวต่อปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้ปฏิบัติงานที่สำนักนายกรัฐมนตรีตามที่ปลัดสำนักนายกฯจะมอบหมาย ส่วนจะได้กลับมากระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯจะพิจารณา แต่คาดว่า น่าจะพิจารณาหลังจากกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว

“ผมต้องมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกฯตามคำสั่งท่านนายกฯ ยังไม่ได้ลาออกจากราชการ เพราะปลัดกระทรวงพาณิชย์ไม่เซ็นให้ออก แล้วอีกอย่าง ผลสอบข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จ ก็ไม่ควรจะรีบลาออก รอให้ผลสอบออกมาก่อนดีกว่า”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตอนนี้ นายวิชัย ไปรายงานตัวที่สำนักนายกฯแล้ว ส่วนจะได้กลับมาที่กระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เป็นเรื่องที่นายกฯจะพิจารณา ต้องไปถามท่านนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งย้ายด่วนนายวิชัย เนื่องมาจากมีกระแสการร้องเรียนของประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งมีกระแสในสื่อโซเชียลว่า การบริหารจัดการหน้ากากอนามัย ของศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย ที่ดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมการค้าภายใน หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้พบการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวนมากของคนบางกลุ่ม จนประชาชนหาซื้อไม่ได้ และมีราคาแพง ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี ต้องออกคำสั่งย้ายด่วน และให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

ขณะที่การสอบสวนหาข้อเท็จจริงในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น ล่าสุด นายบุณยฤทธิ์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีก 1 ชุด โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยให้หาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เม.ย.63 หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ชุดแรกที่มีนายสุพพัต อ่องแสงคุณ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเสร็จไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มี.ค.63 และสรุปว่า กระบวนการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย ของศูนย์บริหารจัดการฯ มีช่องโหว่ ที่อาจทำให้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแอบขายหน้ากากอนามัยหลังร้านให้กับกระบวนการกักตุนได้

เนื่องจากกรมการค้าภายในได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่โรงงานตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. เพื่อเข็คสต๊อก และตรวจสอบว่า หน้ากากอนามัยของแต่ละโรงงานที่ผลิตได้ในแต่ละวันจัดส่งให้ใครบ้าง แต่หลังจากเวลา 17.00 น.ไปแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่กลับ ไม่มีทางทราบได้เลยว่า โรงงานจะนำหน้ากากไปขายให้กับใครบ้าง และการแจ้งปริมาณการผลิตให้กับกรมการค้าภายในนั้น เป็นตัวเลขที่แท้จริงหรือไม่ หรือแจ้งน้อยกว่าที่ผลิตได้จริง จึงทำให้มีหน้ากากส่วนเกินนำไปขายหลังร้านได้

อย่างไรก็ตาม การหาข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการชุดที่มีปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธานนั้น  จะเป็นการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผลสรุปของชุดนายสุพพัต ที่สรุปว่ามีมูลที่อาจทำให้เกิดการกักตุนได้ โดยให้ดูเพิ่มเติมว่า จะสามารถหาข้อมูลใดๆ ได้อีก เช่น ตัวบุคคล หลักฐานเอกสาร ที่ชุดของนายสุพพัตไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเสาะหาจากโรงงาน หรือผู้เกี่ยวข้องได้