วัยรุ่นอายุ 15-24 ปี ติดเชื้อเอชไอวี อยู่ในระบบรักษาเพิ่มสูงขึ้น

กรมควบคุมโรค ห่วงวัยรุ่นและเยาวชน หลังพบติดเชื้อเอชไอวีสูง ย้ำใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ชวนตรวจเอชไอวี หากมีความเสี่ยง 

  • ติดซิฟิลิส และหนองใน สูงถึง 14,534 คน
  • เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจ
  • ชวนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน โดยในปี 2565 คาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 9,230 คน ซึ่งเกือบครึ่งเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 15-24 ปี และมีสัดส่วน เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระบบการรักษาถึงร้อยละ 22.4 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2551 ที่ร้อยละ 9.5 นอกจากนี้ ยังพบ ติดซิฟิลิส และหนองใน สูงถึง 14,534 คน สอดคล้องกับข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการ ติดเชื้อเอชไอวี ปี 2562 ที่พบว่า เยาวชนมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยครั้งล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์ เพียงร้อยละ 80  และใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งกับแฟนและคนรักไม่ถึงร้อยละ 40

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ส่งเสริมให้วัยรุ่นและเยาวชน พกและใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกคนทุกช่องทาง จะช่วยป้องกันทั้งการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมถึงการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมอีกด้วย ประชาชนสามารถรับถุงยางอนามัยได้ฟรี ที่หน่วยบริการสุขภาพของรัฐและภาคประชาสังคมทั่วประเทศ พร้อมร่วมกับเครือข่ายเยาวชน จัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างความรู้ความเข้าใจและชวนเพื่อนใช้ถุงยางอนามัยให้เป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้วัยรุ่นและเยาวชน เข้าถึงการตรวจคัดกรองเอชไอวีและซิฟิลิส โดยสนับสนุนชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีและซิฟิลิสแบบรู้ผลเร็วภายใน 20 นาที ให้กับ 53 จังหวัด ในปี 2565 และขยายความครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในปี 2566 ทำให้เกิดบริการตรวจเชิงรุกในชุมชน และสถานบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง   หากพบการติดเชื้อจะได้รับการดูแลรักษาโดยเร็ว

นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขับเคลื่อนการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้คนไทยทุกคนตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ฟรี โดยเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในเมนูกระเป๋าสุขภาพ และรับชุดตรวจไอวีด้วยตนเองที่หน่วยบริการสุขภาพของรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม ตลอดจนร้านขายยาที่ร่วมโครงการทั่วประเทศตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ได้ส่งเสริมการจัดบริการสุขภาพที่เป็นมิตรแบบครบวงจร สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของเยาวชน ยุค 5G โดยพัฒนาศักยภาพและความร่วมมือของบุคลากรสหวิชาชีพ แกนนำเยาวชน รวมถึงเพิ่มช่องทางเพื่อให้เยาวชนเข้าถึงบริการได้สะดวก ผ่านระบบออนไลน์ เช่น ระบบลงทะเบียน บริการปรึกษาการนัดหมายและแจ้งเตือน โดยบูรณาการกับระบบบริการปกติ พร้อมเร่งขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนเข้าถึงบริการป้องกัน ดูแลรักษาได้เร็วและครอบคลุม มุ่งลดการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นำสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีของเยาวชนต่อไป