“ศักดิ์สยาม”ลงนามในคำสั่ง ขนส่งทางบกสแกนคนขับ-รถ โดยสารสาธารณะทุกประเภทให้แล้วเสร็จครบ100%ใน3เดือน หวังยกระดับมาตรฐานความพร้อมบริการรถโดยสารสาธารณะ มั่นใจช่วยลดอุบัติเหตุทางท้องถนนลง เชื่ออุบัติเหตุเกิดจากคนขับ-สภาพรถเป็นหลัก รถโดยสารประเภทไหนก็เกิดอุบัติเหตุได้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์รถตู้โดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้มีผู้โดยสารในรถเสียชีวิต และ บาดเจ็บนั้น ในเรื่องนี้ทางกระทรวงคมนาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยในวันพุธที่ 21 ส.ค.ตนจะลงนามในคำสั่งให้กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐาน ทดสอบ สภาพรถโดยสารสาธารณะ ,สมรรถภาพคนขับรถโดยสารสาธารณะในทุกประเภท ที่ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถรับจ้างสาธารณะ จาก ขบ.โดยวิธีการแบบสุ่มตรวจตามหลักการวิจัย ทั้งนี้ระยะเวลาในการสุ่มตรวจนั้นจะเริ่มต้นในการตรวจใน1เดือนนี้ และ ขบ.จะต้องมีการตรวจสอบให้แล้วเสร็จทั้งคนและรถ ในทุกประเภทแบบ 100%ภายใน 3 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนสิ้นเดือน พ.ย.62นี้ และหากรถโดยสารสาธารณะคันใดเมื่อตรวจสอบแล้วไม่ได้มาตรฐานจะถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ทาง ขบ.สามารถร่วมมือกับ สถาบันการศึกษาที่ได้มาตรฐานทั้งเรื่องคนขับรถ และ มาตรฐานรถโดยสารให้เข้ามาร่วมการตรวจสภาพกับ ขบ.ได้ เพื่อเพิ่มด้าน บุคลากร ที่จะมาตรวจ นอกจากนั้นให้ ขบ.กำหนดจุดจอดพักรถ สำหรับรถโดยสารสาธารณะในทุกๆระยะทาง 100 กิโลเมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสอบมาตรฐาน คนขับ และ รถโดยสารสาธารณะ ให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักที่กำหนด
นอกจากนั้นให้ประสานความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันในจุดที่เหมาะสมเพื่อตั้งจุดสุ่มตรวจสภาพในสถานีบริการน้ำมัน และ ให้มีเจ้าหน้าที่ของ ขบ.เป็นผู้ตรวจสอบตลอด 24 ชม.หากเจ้าหน้าที่ของ ขบ.ไม่เพียงพอให้จัดหาพนักงานที่มีความชำนาญจากด้านนอกมาช่วยได้ โดยจุดพักรถ หรือ สถานีบริการน้ำมัน นั้นนอกจากได้มีการตรวจสภาพคนขับแล้ว ยังสามารถช่วยให้คนขับไม่ต้องทำความเร็วระหว่างทางมากเพราะมีจุดตรวจเป็นระยะในช่วง 3 เดือนนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตรวจสอบมาตรฐานทั้งคน และสภาพรถ หากไม่ผ่านมาตรฐาน คนขับก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบใบขับขี่รถโดยสารสาธารณะใหม่ทันที
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในส่วนของนโยบายเปิดภาคสมัครใจให้ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารสาธารณะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเมื่ออายุครบกำหนดมาเป็นรถไมโครบัสอย่างเดียวนั้น แต่สามารถเปลี่ยนเป็นรถตู้ได้นั้น ในส่วนนี้เบื้องต้นยืนยันว่าทางกระทรวงคมนาคมจะเปิดกว้างไม่บังคับเพื่อให้ผู้ประกอบการมีทางเลือก และลดต้นทุนในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามนโยบายนี้จะสรุปออกมาอีกครั้งภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ โดยต้องรอข้อมูลอย่างละเอียดจากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง
