‘มิน อ่อง หล่าย’ แจงเหตุผลยึดอำนาจ บล็อกเฟสบุ๊คกันชาวบ้านต่อต้าน จับ ‘อองซาน ซูจี’ ข้อหาซุกวิทยุสื่อสารในบ้าน

หมอ-พยาบาล โรงพยาบาลหลายแห่งชู 3 นิ้วติดโบว์แดง-ดำ นัดหยุดงานประท้วง

สถานีโทรทัศน์MR TV ของทางการเมียนมา เผยแพร่ภาพ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และหัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมา กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐบาลใหม่  ว่า การยึดอำนาจอกองทัพเมียนมาเพราะกองทัพได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งไปยังรัฐบาลหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถูกเพิกเฉย

จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เกิดการรัฐปรหารขึ้น ส่วน ‘อองซาน ซู จี’ ยังคงถูกตัวนั้น  เพราะว่าปัญหาการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของรัฐบาลตลอดจนรัฐสภา แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง ทำให้กองทัพเมียนมา จำเป็นต้องทำรัฐประหาร และเข้าควบคุมการบริหารประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่า ประเทศจะดำเนินนโยบายไปในทิศทางที่ถูกต้อง

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยังให้คำมั่นว่า จะจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสและยุติธรรมขึ้นใหม่อีกครั้ง  และจะส่งมอบอำนาจให้แก่ผู้ชนะผลการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่แน่นอน ตามแผนเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะจัดการเลือกตั้ง 

ส่วนนโยบายเร่งด่วนในขณะนี้ คือการรักษาความมั่นคง และความสงบของประเทศ ตลอดจนเร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดฯ

ภาพจากรอยเตอร์

สำหรับ ‘อองซาน ซูจี’ กองทัพทหารเมียนมาได้แจ้งความเอาผิดว่าบุกค้นบ้านพักของนางซูจีและพบว่ามีวิทยุสื่อสารแบบพกพาหลายเครื่อง ที่นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และนางซูจีก็ไม่ได้ขออนุญาตใช้งานให้ถูกต้อง จะต้องควบคุมตัวไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์

รัฐบาลทหารเมียนมายังแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีนายวิน มยิ่น ประธานาธิบดีเมียนมาวัย 69 ปี ในความผิดเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายจัดการภัยธรรมชาติ ที่มีโทษสูงสุด 3 ปี เช่นกัน

ขณะเดียวกันกองทัพเมียนมาได้สั่งการบริษัทอินเทอร์เน็ตทำการบล็อก Facebook จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เพราะที่ผ่านมาใช้โซเชียลแห่งนี้นิยมรวมตัวนัดทำกิจกรรมและแสดงออกต่อต้านการทำรัฐประหาร ซึ่งที่ผ่านมาได้ได้มีการแสดงออกการต่อต้านที่พักต่างๆ พากันออกมาที่ระเบียงพร้อมทั้งตีหม้อ-กระทะและตะโกนคำขวัญต่อต้านการรัฐประหารกันเสียงระงม มีการใช้แฮชแท็ก #voiceoutfordemocracy พูดถึงการประท้วงในครั้งนี้และเริ่มกลายเป็นกระแส มีการบีบแตรรถยนต์ในช่วงกลางคืน

อีกด้านได้การประท้วงคือคนทำงานสาธารณสุขอย่างแพทย์และพยาบาลที่ขู่ว่าจะหยุดงานประท้วง พร้อมติดโบว์สีแดงและดำซึ่งในวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมามีหน่วยแพทย์-พยาบาลแนวหน้ามากกว่า 70 หน่วยและโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศหยุดงานประท้วง โดยบอกว่าจะไม่ทำงานเพื่อรัฐบาลทหาร