มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น ดันดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 459 จุด

  • ตัวเลขเศรษฐกิจจีน-ยุโรปฟื้นหลังคลายล็อกดาวน์ต้านโควิด-19
  • ดัชนีภาคบริการสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้น
  • นักลงทุนเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19ในสหรัฐที่ยังพุ่งไม่หยุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที 6 ก.ค.ที่ 26,287.03 จุด พุ่งขึ้น 459.67 จุด หรือ +1.78% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,179.72 จุด เพิ่มขึ้น 49.71 จุด หรือ +1.59% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,433.65 จุด เพิ่มขึ้น 226.02 จุด หรือ +2.21%

ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับเพิ่มขึ้น ขานรับความหวังว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ดำเนินการเพื่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ปิดตลาดไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม

ตัวเลขเศรษฐกิจจีน และยุโรปปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ที่มาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 58.4 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของยูโรโซนเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 17.8% จากระดับของเดือนเม.ย. ดีดตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกยอดค้าปลีกตั้งแต่ปี 2542

ขณะเดียวกัน ในฝั่งสหรัฐ รายงานดัชนีภาคบริการของสถาบัน ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง สอดคล้องกับรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีPMIภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.9 จากระดับ 37.5 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขขั้นต้นเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ที่ 46.7

นอกจากนั้น แม้โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ เป็นร่วงลง 4.6% ซึ่งต่ำกว่าครั้งก่อนที่คาดว่าจะหดตัวลง 4.2% แต่ยังดีกว่าการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะติดลบ 8% ทั้งนัเ นักวิเคราะห์ยังได้ลดประมาณการอัตราว่างงานลงมาที่ 9% ในปีนี้ ดีกว่าครั้งก่อนหน้านี้ที่ 9.5%

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแตะ 2.9 ล้านคนแล้วในขณะนี้รายงานข่าวระบุว่า ในช่วง 4 วันแรกของเดือนก.ค. 15 รัฐของสหรัฐรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้บางรัฐต้องระงับแผนการผ่อนคลายล็อกดาวน์ นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นยังรวมถึง อินเดีย ออสเตรเลีย และเม็กซิโก

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 5.09% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.63% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.83%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.94% หุ้นอเมซอนดอทคอม ทะยานขึ้น 5.77% หุ้นแอปเปิล บวก 2.68% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.55% และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล บวก 2.02%

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 13.48% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของเทสลา ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสที่ผ่านมา

หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.03% ขานรับข่าวอูเบอร์ตกลงซื้อธุรกิจ Postmates ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ให้บริการส่งอาหาร คิดเป็นวงเงิน 2.65 พันล้านดอลลาร์