“ภูมิธรรม” อัด “ธนาธร” แนะใช้เงินดิจิทัล 5 แสนล้าน ชี้ถ้าทำรัฐสวัสดิการต้องทำงบผูกพันทุกปี ถามกลับคนไทยพร้อมเสียภาษีเพื่อให้รัฐดูแลหรือไม่ ลั่น! เปิดโต๊ะคุยกันดีกว่าพูดในที่สาธารณะสร้างภาพ
- ชี้ถ้าทำรัฐสวัสดิการต้องทำงบผูกพันทุกปี
- ถามกลับคนไทยพร้อมเสียภาษีเพื่อให้รัฐดูแลหรือไม่
- ลั่นเปิดโต๊ะคุยกันดีกว่าพูดในที่สาธารณะสร้างภาพ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้แสดงความเห็นถึงโครงการดิจิตอล วอเลต วงเงิน 500,000 ล้านบาท ระหว่างบรรยายสาธารณะ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” โดยระบุว่า ถ้ามีเงิน 500,000 ล้านบาทจะนำไปไปพัฒนาการศึกษา ลงทุนสาธารณูปโภค ว่า เป็นการแสดงความเห็นได้ ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟัง แต่ต้องการให้ นายธนาธร แยกส่วนกันระหว่างการดำเนินการด้านสาธารณูปโภค และโครงการดิจิตอล วอลเลต ไม่ได้หมายความว่าจะนำเงิน 500,000 ล้านบาทมาทำลอยๆ แล้วนำเงินดังกล่าวไปทำเรื่องนั้นเรื่องนี้
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า หากมีเงินจำนวนนี้สิ่งที่แตกต่างกันคือ นายธนาธรอยากเอาเงินมากระจายก่อนและให้เติบโตมาด้วยกัน แต่เราไม่เห็นด้วย โดยเห็นว่าต้องทำให้สมบูรณ์ก่อน เราถึงมากระจายให้เกิดการเติบโตขึ้น การที่จู่ๆ จะทำรัฐสวัสดิการ คิดหรือไม่ว่ารัฐอาจจะใช้เงิน 500,000 ล้านบาท หรือมากกว่า 540,000 ล้านบาทและผูกพันงบประมาณทุกปี ของเราใช้เงินแค่ช่วงกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น การทำรัฐสวัสดิการ จะเป็นงบประมาณผูกพันทุกปี ปัญหาที่จะเดือดร้อนคือ กลุ่มคนชนชั้นกลาง ผู้ประกอบการทั้งหลายต้องเสียภาษี คนไทยพร้อมหรือไม่ เพื่อให้รัฐนำไปดูแลรัฐสวัสดิการ เวลาพูดต้องพูดให้ครบ ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาทำ เราอยากทำแต่ต้องพูดให้หมด
“ถ้าจะบอกว่าเศรษฐกิจจะไม่วิกฤต ต้องไปถามชาวบ้าน ชาวนา นักธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ต้องเผชิญกับสภาวะแบบนี้ สิ่งที่พูดนั้นเป็นการพูดที่ไม่ได้มองให้กว้างไปถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงให้ข้อเสนอให้ไปพิจารณา ไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่อยากให้มองกว้างมากขึ้น ทำทุกอย่างเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา อย่ามองว่ามันเป็นเกมการเมือง ไม่เกิดประโยชน์ หากมาร่วมกันทำ เปิดโต๊ะคุยกันน่าจะดีกว่าการไปพูดในที่สาธารณะให้มีภาพพจน์ที่ดูดี ซึ่งมองว่าไม่ดี พูดแบบนี้ทัวร์ก็จะลงได้ แต่พูดจากใจจริง อยากเห็นการเสนอแนะในการแก้ปัญหา”
