วันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “กสทช. รวมถึงองค์กรอิสระ (จากประชาชน) ทั้งหมด ดูจะขยันขันแข็งเป็นพิเศษในการปกป้องผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา” ในขณะที่ผมกำลังติดตาม เฝ้ารอคอยการทำงานเชิงรุกของ กสทช. เพื่อจัดการกับความพยายามของกลุ่มทุน CP ที่พยายามลดคู่แข่งในตลาด ผ่านการควบรวมกิจการ TRUE & DTAC เหมือนที่ TRUE เคยทำกับ HUTCH และ ORANGE ในอดีต แต่ก็เป็นที่น่าผิดหวัง เมื่อพบว่างานสำคัญ และเร่งด่วนที่สุดของ กสทช. กลับเป็นการเรียกสื่อทุกสำนักมาเพื่อยับยั้งการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมถึงความพยายามที่จะให้สื่อหยุดการรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล ความกระตือรือร้นอันกลับหัวกลับหางของ กสทช. ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าหน้าที่ขององค์กรอิสระคืออะไร ระหว่างการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หรือ การปกป้องผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา
นายพิธา กล่าวว่า เรื่องการควบรวม TRUE & DTAC ผมและพรรคก้าวไกลกังวลมากว่า จะส่งผลให้เกิดการกินรวบทั้งระบบในอนาคต จากข้อมูล เราพบว่าเป้าหมายสำคัญของการควบรวมครั้งนี้ คือ การขยายฐานลูกค้า ยึดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ คลื่นความถี่ เสาส่งสัญญาณ Fiber Optic และเคเบิลใต้น้ำ เป้าหมายของการควบรวมครั้งนี้จึงไม่ใช่การหา “พันธมิตรเพื่อการพัฒนา” แต่เป็นการหา “พันธมิตรเพื่อผูกขาดตลาด” จะส่งผลกระทบทางลบอย่างมหาศาลต่อ ecosystem ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธุรกิจดิจิทัล ชีวิตประจำวันประชาชน การควบรวมกัน และเหลือเพียงผู้ให้บริการ 2 ค่ายใหญ่ ไม่ใช่แค่ปัญหาการแบ่งตลาดการแข่งขันในระดับบริการโทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ต แต่มันคือปัญหาของเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งระบบ หรืออีกนัยนึงคือมันคือการผูกขาด ecosystem ของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งระบบ จะส่งผลไปถึงสิทธิในการเข้าถึงการสื่อสารครอบคลุมอย่างทั่วถึงเท่าเทียม สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลไปโดยปริยาย ผมและพรรคก้าวไกล ขอให้ทาง กสทช. และ กขค. เริ่มการทำงานเชิงรุกด้วยความกล้าหาญอย่างตรงไปตรงมา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนผู้เสียภาษีอันเป็นที่มาของเงินเดือนที่ท่านได้รับอยู่ในขณะนี้
