“พิธา” ยัน ไม่จับปลาสองมือรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน

 “พิธา” ประกาศยืนยัน ไม่จับปลาสองมือรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน โยนถาม ‘ปดิพัทธ์’ ตัดสินใจร่วม กก.บห. ย้ายซบพรรคเป็นธรรมหรือไม่

  • โยนถาม ‘ปดิพัทธ์’ ตัดสินใจร่วม กก.บห.
  • ย้ายซบพรรคเป็นธรรมหรือไม่

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรคของนายพิธา เหมือนเซียนเหยียบเมฆ พรรคก้าวไกลจะได้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน โดยนายพิธา ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเกมการเมือง ตนเองเป็น สส.อยู่ เแต่เข้าสภาฯ ไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญผู้นำฝ่ายค้านจัต้องเป็น สส.และหัวหน้าพรรค ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง หากบริบทการเมืองเป็นเช่นนี้ เราต้องมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งและมีผู้นำ ตนเองเอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนส่วนตัวและตัดสินใจประกาศลาออก เพื่อเปิดทางให้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วันที่ 23 กันยายนนี้ เพราะหากดูข้อบังคับแล้วมีหลายเรื่องเช่น การตั้งประธานวิปฝ่ายค้านจะต้องมีผู้นำฝ่ายค้านเป็นคนลงลายเซ็น จึงจำเป็นต้องให้ระบบเดินหน้าได้ ไม่ได้เป็นเกมการเมือง

นายพิธา ย้ำว่าไม่ได้เป็นเล่ห์เหลี่ยม แต่เป็นกฎกติกาที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เราตัดสินใจตามกฎกติกาที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ระบุว่าพรรคก้าวไกลต้องการรักษาอำนาจเหมือนกับรัฐบาลชุดก่อน ขออย่าเพิ่งอนุมานไปไกล ขอให้ฟังเหตุผลความจำเป็น เราตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน

สำหรับกระแสข่าวที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะย้ายซบพรรคเป็นธรรม หลายฝ่ายมองว่า เป็นเหมือนกันฝากเลี้ยง นายปดิพัทธ์ยังทำงานหลายเรื่องเกี่ยวกับรัฐสภา เช่น สิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และเทคโนโลยี ซึ่งมีเรื่องที่อยากปรึกษากับพรรค แต่ตอนนี้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นรักษาการทั้งหมด นายปดิพัทธ์ คงต้องรอตัดสินใจร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ส่วนตัวไม่ได้ปรึกษากันเรื่องนี้ ปรึกษากันแค่ว่าร้านอาหารที่จังหวัดพิษณุโลกร้านไหนน่ากิน “ส่งรูปมายั่ว”

โดยเมื่อวันี่ 15 ก.ย.66 ได้ไปงาน กกต. ไม่ได้พูดคุยกับนายแสวง บุญมี เลขา กกต.นอกรอบเรื่องคดีหุ้นไอทีวี เพราะเรารักษาความเป็นกลาง สิ่งที่พูดเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนได้ยินทั้งหมด คือการทำให้ระบบนิเวศการเมืองไทย สามารถเกิดง่าย อยู่ได้ ยุบยาก ซึ่งอธิบายให้ฟังว่าพรรคของเราพึ่ง กกต.เยอะมากโดยเฉพาะงบกองทุนพัฒนาการเมือง และการรับเงิน่บริจาคจากฐานภาษีพี่น้องประชาชน แต่ระบบเป็นระบบราชการเกินไปทำให้เราต้องเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่อยากทำ หากจะพัฒนาพรรคการเมืองต้องพัฒนาบุคลากรและระบบไอที ซึ่งตรงนี้เขาไม่อนุญาตทำให้

นายพิธา กล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ซึ่งจะต้องตรวจสอบถ่วงดุล ผ่านกฎหมายก้าวหน้า การเป็นผู้แทนราษฎรต้องพูดแทนราษฎร ต้องมีภาวะผู้นำ หากระบบการเมืองเป็นแบบนี้ ฝ่ายค้านยังอ่อนแอเกรงว่าจะเป็นหน้าที่สื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบ ส่วนความสัมพันธ์กับนานแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย การเมืองไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัว ข้างหน้าเป็นอย่างไรลับหลังก็เป็นอย่างนั้น ยินดีกับรัฐบาลที่ตั้งได้ ยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะตรวจสอบสนับสนุนในสิ่งที่ควรตรวจสอบ เราเห็นว่ากระบวนการมีเรื่องแปลกหลายเรื่องทั้งงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาแล้วไม่ตรงกับที่ได้อภิปรายไว้ในสภาฯ พร้อมย้ำว่าไม่มีเรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องเป็นเรื่องหลักการและความมืออาชีพในการทำงาน