“พิธา”หวังส.ว.ยึดบรรทัดฐานปี62 ถ้ารวมเสียงในสภาล่างได้เกิน 250 เสียง จะไม่ฝืนมติของสภาล่าง มั่นใจจำนวนส.ว.เพียงพอโหวตเป็นนายกฯ

  • ย้ำมาตรา112 แก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก
  • เก้าอี้ประธานสภาให้รอประชุมกับทางพรรคเพื่อไทย
  • ในวันพรุ่งนี้ (28 มิถุนายน) และรอแถลงร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้(27มิ.ย.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นำส.ส.ของพรรคจำนวน 150 คน เดินทางเข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยนายพิธากล่าวว่า ที่เดินทางมารายงานตัวในวันนี้เนื่องจากติดโควิด-19 ทำให้มารายงานตัวก่อนหน้านี้ไม่ได้ เมื่อแข็งแรงขึ้นจึงเลือกวันนี้วันที่ 27 มิถุนายนก็มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ชาติไทยพอสมควร เป็นนิมิตหมายที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่มีส.ว. หลายคนออกมาระบุว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธากล่าวว่า ไม่กังวลใจ เท่าที่มีโอกาสได้พูดคุยกับส.ว. ก็มีหลายท่านทีมีดุลยพินิจและหลักการ ที่จะใช้ในการโหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าใครที่รวมเสียงในสภาล่างได้เกิน 250 เสียง ก็ไม่อยากจะฝืนมติของสภาล่าง ซึ่งเป็นมติที่มาจากประชาชนอีกที ดังนั้น ถ้าบรรทัดฐานเป็นเช่นนั้นแล้ว โดยภาพรวมส.ว. ทั้ง 250 คน น่าจะเป็นไปตามหลักการ เชื่อว่าส.ว.น่าจะยึดให้มั่น ไม่ใช่เรื่องของบุคคลว่าจะโหวตหรือไม่โหวตนายพิธา ถ้ายึดหลักการให้มั่นก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

ส่วนกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมากล่าวว่า มีส.ว.เพียง 5 คนที่จะโหวตให้นายพิธานั้น นายพิธากล่าวว่า ต้องยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าสิ่งที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เคยพูดไว้ เป็นเรื่องจริง เราทำงานเต็มที่ที่จะพยายามทลายกำแพง และสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 สภา เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ ส.ว.ไม่ได้มีโอกาสพูดกับสื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เมื่อถามย้ำว่า สามารถระบุเป็นตัวเลขได้หรือไม่ว่า ส.ว. ที่สนับสนุนมีจำนวนเท่าไหร่ นายพิธากล่าวว่า เพียงพอกับการที่ตนเป็นนายกฯ

เมื่อถามว่า จะมีการลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนของส.ว.ที่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่เราพูดไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งในเกือบทุกเวทีดีเบต และได้พูดชัดเจนตกผลึกว่า การแก้ไขมาตรา 112 น่าจะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย ในช่วงที่ผ่านมามาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการรังแกคนเห็นต่างรวมทั้งเยาวชน ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับสถาบันใดเลย ตรงนี้คงไม่ได้เป็นประเด็นที่ทำให้เส้นทางการตั้งรัฐบาลสะดุดลง แต่เมื่อมีข้อมูลจากหลายฝ่ายอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด แก้ไขก็คือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก ซึ่งเท่าที่คุยกับหลายฝ่ายก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้สอบถามอัยการสูงสุด ว่ามีคำสั่งรับหรือไม่รับดำเนินการ ตามคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของพระพุทธะอิสระ ให้ระงับนโยบาย ยกเลิกมาตรา 112 โดยให้แจ้งกลับศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นายพิธากล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลรัฐธรรมนูญและอัยการสูงสุด การแก้ไขกฎหมายๆ หนึ่ง ไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครองอย่างที่กล่าวหา และเป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริงไปมาก เรามีความตั้งใจที่จะรักษาประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่เป็นหลักที่เรายืนอยู่

เมื่อถามถึงตำแหน่งประธานสภา พรรคก้าวไกลยังยืนยันหรือไม่ว่าเก้าอี้ประธานสภาต้องเป็นของพรรคอันดับ 1 นายพิธากล่าวว่า รอประชุมกับทางพรรคเพื่อไทย (พท.) ในวันพรุ่งนี้ (28 มิถุนายน) และรอแถลงร่วมกัน