พาณิชย์โต้ไม่ได้ทุ่มส่งออกข้าวตีตลาดฟิลิปปินส์

  • หลังตะกะล็อกจ่อเก็บภาษีเซฟการ์ดข้าวจากทั่วโลกและไทย
  • อ้างพบปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นจนตลาดข้าวภายในถูกถล่ม
  • ไทยยันส่งออกเพิ่มขึ้นเหตุฟิลิปปินส์เปิดเสรีเอง

นายกีรติ รัชโน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าฟิลิปปินส์อยู่ระหว่างการไต่สวนใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) กับสินค้าข้าวไทยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ฟิลิปปินส์ทำหนังสือแจ้งว่า จะใช้มาตรการโกลบอล เซฟการ์ดกับสินค้าข้าวที่นำเข้าจากทั่วโลก เพราะพบว่า ปริมาณการนำเข้าข้าวจากประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากเวียดนาม ปากีสถาน อินเดีย ฯลฯ ไม่เฉพาะจากไทยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กรมการค้าต่างประเทศ ได้ทำหนังสือชี้แจงกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ว่า ปริมาณการนำเข้าข้าวไทยที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะรัฐบาลฟิลิปปินส์เปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวใหม่ จากเดิมที่ทำบันทึกความตกลง (เอ็มโอยู) กำหนดปริมาณนำเข้าจากประเทศผู้ส่งออกปีละไม่เกินปริมาณเท่าไร และใช้ระบบประมูลนำเข้าแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แต่ปี 62 ได้เปลี่ยนเป็นการนำเข้าแบบเสรีโดยภาคเอกชน ดังนั้น จึงทำให้ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากเป็นธรรมดา ไม่ใช่เป็นเพราะไทยจงใจส่งออกเพื่อหวังตีตลาดข้าวฟิลิปปินส์

”ได้ทำหนังสือชี้แจงไปว่า ปริมาณการนำเข้าข้าวไทยที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะฟิลิปปินส์เปลี่ยนระบบการนำเข้าเอง เมื่อมีการนำเข้าโดยเสรี ย่อมทำให้มีปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นเพราะไทยส่งออกข้าวไปตีตลาด ซึ่งคาดจะประกาศผลไต่สวนต้นเดือนต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม หากใช้มาตรการเซฟการ์ดด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าข้าว อาจทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะต้องซื้อข้าวในราคาสูงขึ้น และอาจกระทบต่อเงินเฟ้อในประเทศด้วย”

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการเซฟการ์ดของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกต่อตลาดข้าวอย่างมาก โดยหากมีการใช้เชฟการ์ดจริง ประเทศไทยสามารถร้องเรียนกับองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ได้ เพราะข้อมูลการส่งออกข้าวไทยไม่สูงไปจากอดีต และราคาข้าวไทยที่จำหน่ายในฟิลิปปินส์ยังสูงกว่าคู่แข่งด้วย โดยขณะนี้ไทยส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ 200,000-300,000 ตันเท่านั้น จากที่ผ่านมา ไทยชนะการประมูลนำเข้าได้เฉลี่ยปีละ 300,000-500,000 ตัน