พาณิชย์ทำ “มินิเอฟทีเอ” เมืองปูซาน เกาหลีใต้

.ส่งเสริมขยายความร่วมมือด้านการค้า 2 ฝ่าย

.ตั้งเป้าดันยอดการค้าทะลุ 2 แสนล้านบาทใน 3 ปี

.เตรียมส่งออกซอฟต์ เพาเวอร์ไทยตะลุยแดนกิมจิ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ด้านการค้า หรือมินิเอฟทีเอ ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซาน ว่า การทำบันทึกความเข้าใจวันนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ตนมอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดขยายความร่วมมือทางการค้ากับประเทศต่างๆ ที่ลงลึกในระดับมณฑล หรือระดับเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำเอ็มโอยูในลักษณะนี้ กับมณฑลไห่หนาน และมณฑลกานซู่ของจีน, เมืองโคฟุของญี่ปุ่น, รัฐเตลังกานาของอินเดีย และล่าสุดกับเมืองปูซาน เกาหลีใต้

“ประเทศเกาหลีใต้ถือเป็นพันธมิตรการค้าสำคัญของประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของโลก มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีปีที่แล้ว 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และถ้าลงลึกถึงการค้าระหว่างไทยกับปูซาน มีมูลค่าการค้าถึง 2,330 ล้านเหรียญฯ หรือ 75,000 ล้านบาทในปีที่แล้ว ที่สำคัญท่าเรือปูซานเป็นท่าเรือที่รองรับการส่งออกสินค้าไทยไปเกาหลีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 การลงนามเอ็มโอยู มั่นใจว่าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับปูซาน และเกาหลีใต้ได้”

ด้านนายมูน ซึง ฮย็อน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจําประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 65 จะครบรอบ 64 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เกาหลี อีกทั้งยังเป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่าง 2 ประเทศ ส่วนในปี 62 ชาวเกาหลีกว่า 1.9 ล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทย หวังว่าความร่วมมือระหว่างกัน จะแน่นแฟ้นและมั่นคงมากยิ่งขึ้น เหมือนดังที่การค้าระหว่าง  2 ประเทศมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,500 ล้านเหรียญฯในปี 64

“นครปูซานนั้นเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของเกาหลี อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ ทําให้ปูซานมีโครงสร้าง พื้นฐานที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญ นครปูซานกับกรุงเทพฯ ยังได้ตกลงเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันตั้งแต่ปี 54 การลงนามบันทึกเอ็มโอยูครั้งนี้ เป็นบันใดอีกขั้นหนึ่งในการยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการลงนามในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังเกาหลีใต้เกาหลีจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนับจากปี 65 พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันซอฟต์ เพาเวอร์ของไทย ที่มีจุดเด่นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และวัฒนธรรมไปยังเกาหลีใต้ด้วย เพราะเมืองปูซาน ตั้งเป้าเป็นเมืองอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จะมีการจัดงานภาพยนตร์นานาชาติและงานแสดงสินค้าเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้ง 2 ประเทศจะได้ใช้ความร่วมมือด้านการค้าส่งเสริมผลักดันซอฟต์ เพาเวอร์อย่างเป็นรูปธรรม