พาณิชย์ถกผู้ผลิต-ผู้ค้าทำข้าวเหนียวถุงราคาถูก

  • นัด28ส.ค.นี้เคาะแผนผลิต-จำหน่าย
  • ยันขายต่ำกว่าโลละ 50บาทแน่นอน
  • คาดหาซื้อได้แน่ต้นเดือนก.ย.นี้เป็นต้นไป

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการทำข้าวสารเหนียวบรรจุถุงราคาถูกขายให้ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงนี้ที่ราคาข้าวเหนียวเพิ่มสูงขึ้นว่า วันที่ 28 ส.ค.62 กรมจะเชิญโรงสี ผู้ค้าข้าวถุง และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีก มาหารือถึงการทำข้าวสารเหนียวบรรจุถุงราคาถูกกว่าท้องตลาดขายให้ประชาชน ส่วนการวางขาย พิจารณาไว้ 2 ช่องทาง คือ ร้านธงฟ้าเพื่อให้สิทธิ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือห้างค้าปลีก แต่กำหนดให้ผู้ซื้อต้องมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อย่างไรก็ตาม หากได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว คาดว่า ภายในต้นเดือนก.ย.62 จะมีวางจำหน่ายแน่นอน โดยราคาจะต่ำกว่ากก.ละ 50 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดขณะนี้

“สถานการณ์ราคาจะสูงเช่นนี้ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว และผลผลิตข้าวเหนียวออกมาเกือบหมดแล้ว พอถึงเดือนต.ค.62 ที่ผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด ราคาน่าจะคลี่คลาย ”

สำหรับผลผลิตข้าวเหนียวฤดูการผลิตปี 61/62 ปริมาณลดลงมาก จากภาวะภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตเสียหาย ส่งผลให้การส่งออกข้าวเหนียวลดลงด้วยถึง 45% ส่วนผลผลิตฤดูกาลใหม่ปี 62/63 ที่จะเริ่มออกเดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป ยังไม่ทราบจะมีเท่าไร แต่โดยเฉลี่ย ไทยผลผลิตข้าวเหนียวได้ปีละ 6 ล้านตันข้าวเปลือก สำหรับสต๊อกล่าสุดของผู้ค้าในเดือนส.ค.62 พบว่า มีข้าวเปลือกเหนียวประมาณ 30,000 ตัน และข้าวสารเหนียว ประมาณ 100,000 ตัน ยังไม่รวมกับสต๊อกที่กำหนดให้ผู้ค้าข้าวต้องแจ้งมาที่กรมตั้งแต่วันที่ 26-27 ส.ค.นี้

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะออกประกาศตามพ.ร.บ.การค้าข้าว ฉบับที่ 150 เพื่อให้ผู้ที่มีข้าวในครอบครอง ทั้งโรงสี ผู้ค้าส่ง และผู้ส่งออก รายงานสต็อกข้าวเหนียวมาที่กรมการค้าภายในตั้งแต่วันที่ 26-27 ส.ค.นี้ สิ้นสุดเวลา 16.30 น. หรือแจ้งที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศได้ด้วย

“หลังจากแจ้งสต๊อกมาแล้ว กรมการค้าภายใน จะตรวจสอบว่ามีการกักตุน เพื่อปั่นราคาหรือไม่ และมีการจำหน่ายราคาสูงเกินสมควรหรือไม่ โดยหากไม่รายงานสต๊อก หรือรายงานไม่ตรงกับความเป็นจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุนหรือขายราคาสูงเกินสมควร มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบสถานการณ์การค้าและสต๊อกด้วยเช่นกัน”