“พรรคชาติไทยพัฒนา”ยืนยันหาร 100 เป็นประโยชน์แต่ก็ยังสาหัสกว่าจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสภาล่มในการพิจารณาพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ทำให้กลับไปใช้สูตรคำนวนปาร์ตี้ลิสต์หารด้วย100 และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จึงขออนุญาตไม่พูดถึง เพราะออกความเห็นอะไรไปคงไม่เกิดประโยชน์ แต่จากนี้เราต้องมาดูขั้นตอนที่จะต้องกลับไปใช้หาร 100 แล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งสังคมได้คำตอบแล้วว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้ารูปแบบกลับมาเป็นบัตร 2 ใบหารด้วย 100 ซึ่งก็จะคล้ายกับการใช้รัฐธรรมนูญปี 40 คือใช้บัตร 2 ใบและ 2 เบอร์ต่างกัน ระหว่างบัญชีรายชื่อและแบบเขต ดังนั้นทุกพรรคการเมืองจะได้เดินหน้าในการทำงานและวางยุทธศาสตร์หาผู้สมัคร และวางแผนตามแนวสูตรหาร 100 ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดว่าหารด้วย 500 หรือ 100 กันอีก

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาหารด้วย 100 ก็จะเป็นประโยชน์ หากเป็นไปตามที่คำนวณการคิดบัญชีรายชื่อก็จะต้องใช้ประมาณ 3.5 แสนคะแนน และมีข้อดีคือจะไม่มีการหักลบด้วยจำนวนส.ส.พึงมี แต่จำนวนคะแนนที่ต้องได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 1 คนนั้น ค่อนข้างหนักหนาสาหัสกันอยู่ ดังนั้นจึงต้องวางยุทธศาสตร์ให้ดีว่าในการเลือกตั้งที่จะมาถึงจะมีแนวทางกันอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวตระกูลสะสมทรัพย์ของจังหวัดนครปฐม จะย้ายออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ กล่าวว่า กระแสก็คือกระแส แต่เราทำงานด้วยกันมาโดยตลอด แต่แน่นอนว่าช่วงใกล้เลือกตั้งก็จะเปรียบเหมือนช่วงฤดูโยกย้ายของวงการกีฬา นักกีฬาแต่ละทีมก่อนจะมีการโยกย้ายก็มักจะมีข่าวว่านักกีฬาคนนั้นจะย้ายไปตรงนี้ นักกีฬาคนนี้จะย้ายไปตรงนั้น แต่ท้ายที่สุดตอนจบจะเซ็นสัญญากับใครก็ต้องดูกันอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ช่วงนี้ที่เป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง ก็เข้าใจได้ว่ามักจะมีกระแสข่าวเกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อยเป็นสิ่งดีที่ทำให้เราทำงานได้โดยไม่ประมาท

ส่วนบ่ายวันเดียวกันนี้ นายอนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะนำ นายศุภโชค ศรีสุขจร สจ.นครปฐม ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่จบจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีการศึกษาดี มาเปิดตัวซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเราเน้นการทำงานของคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ควบคู่กันไป ดังนั้นก็น่าจะสามารถแก้ข่าวที่เป็นข่าวลือกันได้ ว่าจะมีการย้ายกันไปที่ไหน เพราะที่ผ่านมาเราทำงานเหมือนครอบครัว พรรคชาติไทยพัฒนาอาจจะไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่เราทำงานเหมือนพี่น้องอยู่ด้วยกัน