“ปิยบุตร” ย้ำอีกเสียงพรรคก้าวไกล จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่เกี่ยวข้องสลายการชุมนุมปี 53 คนที่มีส่วนในการรัฐประหาร

  • ลั่นชัด!หากไปร่วมเท่ากับเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของประชาชน
  • ประกาศชัดเจนหากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี
  • ภายใน100วันจะทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญ60จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
  • พร้อมปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมปฏิรูปกองทัพและองค์กรอิสระจัดการเปลี่ยนวุฒิสภาให้มาจากการเลือกตั้ง

วันนี้ (11 เม..66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : Piyabutr Saengkanokkul-ปิยบุตร แสงกนกกุล โดยโพสต์ข้อความโดยทีมงาน มีเนื้อหาดังนี้

ครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษายน 2553 ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้รณรงค์ปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดอุดรธานี อำเภอวังสามหมอ เขต 6 อานันท์ อมรินทร์ (หมายเลข 1), อำเภอประจักษ์ศิลปาคม เขต 7 สุริยา วงศ์อารีย์ (หมายเลข 1) และอำเภอโนนสะอาดเขต 8 นิคม ระชินลา (หมายเลข 1)

ปิยบุตร กล่าวว่า เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษายน และพฤษภาคม 2553 ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ทั้งสองเหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ได้รับการชำระสะสางความจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น แม้บางคนบางครอบครัวจะได้เยียวยาเป็นตัวเงินอยู่บ้าง แต่ผู้กระทำผิดก็ยังไม่มีใครได้รับโทษหรือถูกดำเนินคดีความทางอาญา ยังไม้รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการหรือต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกันแน่ หนำซ้ำ ผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องยังเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลอีกต่างหาก

ปิยบุตร ยังกล่าวถึง คณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ที่มี ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคก้าวไกล เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาว่า ข้อเสนอที่อยู่ในหนังสือนั้น ได้กลายเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด

ข้อเสนอเรื่องการสะสางความจริง ไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลพ้นผิด ก็สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการลงโทษผู้กระทำผิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครกล้าทำความผิดและอ้างว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” อย่างที่เป็นอยู่

ข้อเสนอเรื่องการแก้ไขกฎหมายที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง พรรคก้าวไกลก็ยกร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 มาตรา 116 กฎอัยการศึก กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎหมายความมั่นคง เอาไว้หมดแล้ว

ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ก็ปรากฏเป็นนโยบายการเมืองดีของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการให้กองทัพไปเป็นทหารมืออาชีพ ไม่มายุ่งเรื่องการเมือง และให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเต็มในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งหลาย

ข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลก็ประกาศชัดเจนว่า หากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ภายใน 100 วัน จะมีการจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญ 60 จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

รวมทั้งการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระ และจัดการเปลี่ยนวุฒิสภาให้มาจากการเลือกตั้ง หรือมิเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิสภาไว้

และอีกหนึ่งข้อเสนอที่กลายเป็นนโยบายพรรคคือ การให้รัฐบาลไทยไปลงนามให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ซึ่งเป็นข้อเสนอที่คนเสื้อแดงเรียกร้องมาตลอด เพื่อป้องกันให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีก และเปิดทางให้ศาลอาญาระหว่างประเทศสามารถเข้ามาจัดการกรณีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงได้ โดยพิธาลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศชัดเจนว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะมีการลงนามสัตยาบันกรุงโรมทันที

ปิยบุตรยังกล่าวย้ำจุดยืนทิ้งท้ายว่า “พรรคก้าวไกลประกาศว่าไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมปี 53 และคนที่มีส่วนในการรัฐประหารได้ เพราะนั่นเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของประชาชน