นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเฉพาะประเด็นปิดสถานที่ก่อสร้างรวมถึงให้หยุดงานก่อสร้าง ให้มีผลตั้งแต่ 28 มิถุนายนอย่างน้อย 30 วันนั้นยอมรับว่า ในส่วนของโครงการก่อสร้างของ กทพ.นั้นขณะนี้จะได้รับผลกระทบ 2โครงการ คือ 1.โครงการก่อสร้างทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก สัญญาที่ 2 (งานโยธา)ช่วงตั้งแต่เซ็นทรัลพระราม 2 ถึงโรงพยาบาลบางปะกอก 9 ที่มีกลุ่มบริษัท ไชน่าฮาร์เบอร์-ทิพากร-บุรีรัมย์ธงชัย เป็นผู้ก่อสร้าง ที่ขณะนี้มีการก่อสร้างคืบหน้าไปเพียง 20%เท่านั้น และ สัญญาที่ 4 งานสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ก่อสร้างโดย กลุ่มบริษัท ช.การช่าง นั้นมีความคืบหน้าไปเพียง 40%และ 2. โครงการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ แห่งใหม่ของ กทพ. บริเวณพระราม 9 ซึ่งงานในส่วนนี้มีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 99.99%และเนื้องานที่เหลือจะเป็นการเก็บงาน จึงไม่กระทบมากนัก
ดังนั้นจึงต้องประเมินภาพรวมว่า หากการก่อสร้างต้องหยุด 30วัน จะกระทบในส่วนใดบ้าง ซึ่งหลักๆอาจจะกระทบในเรื่องของระยะเวลาสัญญาจ้างกับผู้ดำเนินงาน ซึ่งเรื่องนี้ต้องมาดูว่าจะเร่งรัดอย่างไรได้บ้างหลังจากที่หยุดก่อสร้างไป30วัน เพื่อไม่ให้มีผลต่อระยะเวลาในสัญญา อย่างไรก็ตามตนจะพยายามที่จะเร่งรัดงานเพื่อไม่ต้องขยายเวลาก่อสร้าง แต่หากกระทบจริงๆทาง กทพ. ต้องเตรียมมาตรการเยียวยาไว้รองรับ และเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป
ด้านนายอภิชาติ จันทรทรัพย์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ขณะนี้กรมทางหลวงมีโครงการก่อสร้าง ที่อยู่ระหว่างดำเนินงานประมาณ 250 โครงการกระจายอยู่ทั่วประเทศ และโครงการก่อสร้างของกรมทางหลวงส่วนมากจะอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ยังสามารถก่อสร้างได้เช่นกัน แต่ในส่วนของงานก่อสร้างในเขต กทม. และปริมณฑล จะเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ก็จะได้รับผลกระทบจากการปิดแค้มป์คนงานและหยุดการก่อสร้าง 30 วัน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางใหญ่-กาญจนบุรี และ โครงการทางหลวงพิเศษระหวางเมือง ช่วงบางปะอิน-โคราช ซึ่งทางหลวงจะต้องมาประเมินถึงผลกระทบอีกครั้ง เนื่องจากปิดระยะเวลานาน
