“ประยุทธ์” แจง “ทูตฟินแลนด์” รัฐบาลเคารพสิทธิ-เสรีภาพประชาชนตามหลักประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ

  • ร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 คลี่คลาย
  • ชวน “ฟินแลนด์”เข้าร่วมลงทุนในเขตอีอีซี

วันที่ 18 มี.ค.2564 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายยูริ ยาร์วียาโฮ (H.E. Mr. Jyri Järviaho) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟินแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแลรมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญว่า

พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความยินดี ไทยและฟินแลนด์มีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันมายาวนานถึง 67 ปี เชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตฯ จะเป็นตัวแทนสำคัญในการส่งเสริมและผลักดันให้เกิดความร่วมมือโดยเฉพาะด้านการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อน ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ไทยขอให้กำลังใจรัฐบาลฟินแลนด์ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพร้อมที่จะสนับสนุน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสาธารณสุขระหว่างกัน ทั้งนี้ สถานการณ์ในไทยอยู่ในระดับคงตัวและควบคุมได้ ซึ่งอยู่ในช่วงผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคตามระดับความเสี่ยง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอกับประชาชนตลอดจนผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย พร้อมสานต่อและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ใกล้ชิดมากขึ้นในทุกมิติ พร้อมชื่นชมนโยบายและการดำเนินมาตรการของรัฐบาลไทยในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ประสบผลสำเร็จ เชื่อมั่นว่า ทุกประเทศจะต้องมุ่งมั่น เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป และหวังให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นองค์ประกอบสำคัญในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาด นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยพร้อมจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ให้แก่ไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ซึ่งฟินแลนด์มีศักยภาพและเทคโนโลยีที่จะร่วมมือกับไทยได้

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีในด้านอื่น ๆ และจะร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยไทยกำลังเตรียมการจัดทำวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางสาธารณสุข อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยได้เน้นการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) จึงเป็นโอกาสที่ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ร่วมกันได้

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ภาคเอกชนฟินแลนด์เข้าร่วมลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งฟินแลนด์ให้ความสนใจพื้นที่เขต EEC มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นต้นแบบของนวัตกรรมและเทคโนโลยีได้ในอนาคต ด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีชื่นชมระบบการศึกษาของฟินแลนด์ โดยทั้งสองประเทศอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานไทย-ฟินแลนด์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบการเรียนการสอน ให้เกิดประสิทธิภาพแก่ผู้เรียนสูงสุด พร้อมยินดีที่จะจัดทำโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศเพื่อพัฒนาทักษะให้แก่เยาวชนในอนาคต

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในไทย ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกกลุ่มตามหลักประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม