“ประยุทธ์”ลุกขึ้นชี้แจงเหตุเข้ามาบริหารปี 2557 ด้วยความจำเป็นจากเหตุการณ์ ความไม่สงบ

  • ห่วงที่สุดคือ “การโกง”
  • เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
  • แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยหลักการ “เทลเลอร์เมด”

วันนี้ (24 ก.พ.63) เวลา 13.30 น. ณ อาคารรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ระหว่างวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2563 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงข้อกล่าวหาของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน เชื่อมั่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยความเป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าร่วมชี้แจงวันนี้ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นกลไกของประชาธิปไตยไทย ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน พร้อมยืนยันเชื่อมั่นการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่การเมืองที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว และตนเอง ส.ส.และ ส.ว. ก็ถูกเลือกว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันที่ประชาชนมีส่วนร่วม ตามเสียงที่ประชาชนเลือกเข้ามา ตนเองเองได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามา บริหารประเทศด้วยคะแนนเกิน 250 คะแนน

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า การเข้ามาบริหารประเทศในขณะนั้น ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่เกิดจากเจตนาของตนเอง แต่เข้ามาด้วยความจำเป็นของเหตุการณ์ความไม่สงบของประเทศ การบริหารราชการไม่ได้ มีกระบวนการทำลายอำนาจตุลาการ รวมทั้งที่ห่วงที่สุดคือ การ “โกง” ซึ่งคดีต่างๆก็ปรากฏเห็นอยู่ทั้งคดีจำนำข้าว เป็นต้น การเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประเทศให้ก้าวผ่านพ้นไปให้ได้ด้วยความสงบเรียบร้อย และเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรียืนยันใช้อำนาจตามกฏหมาย หลักนิติธรรมและเคารพสิทธิส่วนบุคคล พร้อมชี้แจงไม่เคยไม่ก้าวล่วงบุคคลใดหรือกระทั่งสื่อโชเชียลต่าง ๆ ก็ไม่เคยจับใครมาลงโทษหรือติดคุก สำหรับการใช้คำพูดกับสื่อมวลชนที่กล่าหาว่าไม่เหมาะสมนั้น บางครั้งอาจพูดดุบ้าง แต่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลรู้จักนิสัยและเข้าใจดี เป็นความจริงใจของตนเอง พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทุจริต ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ หลายคดีก็ได้ถูกดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยหลักฐานและพยานที่ชัดเจนที่เป็นข้อเท็จจริง พร้อมยืนยันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยหลักการ “เทลเลอร์เมด” ให้ตรงกับความต้องการของประชาชนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เพื่อดูแลประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยกว่า 14 ล้านคนเศษ ผ่านมาตรการ “ชิม ช๊อป ใช้” และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนยันโครงการทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการเป็นการทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ โดยผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง PPP คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนกฎ ระเบียบที่มีอยู่ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรียืนยันดูแลประชาชนเท่าเทียมทั่วประเทศ และเดินทางตรวจเยี่ยมทุกจังหวัดทุกพื้นที่เป็นประจำ เพราะรัฐบาลนี้ทำให้ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ และที่สำคัญเป็นการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การลดต้นทุนการผลิต การประกอบการ ตลอดจนการให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ในส่วนการใช้มาตรา 44 ที่ผ่านมานั้น ยืนยันไม่ได้ใช้เพื่อกลั่นแกล้งข้าราชการ แต่เป็นการใช้ร่วมกฎหมายปกติที่มีอยู่ เพื่ออำนวยการและบูรณาการทำงานร่วมกับของทุกหน่วยงานให้สามารถแก้ปัญหาที่ติดขัดได้ เช่น ICAO IUU เรื่องการสร้างรถไฟฟ้า เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยึดมั่นการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มุ่งปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น และขอให้การอภิปรายฯนำข้อเท็จจริงมาอภิปราย อย่าตัดทอน บิดเบือน หรือเอาเรื่องในอดีตมาผสมกับปัจจุบัน จนเกิดความสับสน ประชาชนจะติดตาม รับฟัง และตัดสินจากข้อเท็จจริง โดยนายกรัฐมนตรีจะได้ขึ้นกล่าวชี้แจงเป็นระยะๆ ต่อไป