บสย. มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้น ชี้บริโภคในประเทศคึกคัก

บสย. เผยบริโภคในประเทศพุ่ง 11 เดือน อนุมัติค้ำฯ 107,179 ล้านบาท เตรียมขยายวงเงินค้ำฯ ลดเหลื่อมล้ำแก้หนี้นอกระบบ จ่อต่ออายุแก้หนี้ยั่งยืน

  • โชว์ผลดำเนินงาน ปี 66 บริโภคในประเทศคึกคัก อนุมัติค้ำฯ 107,179 ล้านบาท SMEs ได้สินเชื่อ 96,461 ราย
  • ตั้งเป้าปี 67 เดินหน้า Digital Guarantee Platform เชื่อมโลกการเงิน
  • ขานรับนโยบายรัฐ แก้หนี้นอกระบบ ขยายวงเงินค้ำ PGS 10 แก้หนี้ยั่งยืน

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่าภาพรวมผลดำเนินงาน บสย. 11 เดือน ปี 66 (ม.ค.-พ.ย.) สำเร็จตามเป้า ทั้งด้านการค้ำประกันสินเชื่อ การแก้หนี้ผ่าน “บสย. พร้อมช่วย” การให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยด้านผลดำเนินงานการค้ำประกันสินเชื่อ อนุมัติค้ำประกันวงเงิน 107,179 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้สินเชื่อ 96,461 ราย (80% ของจำนวนราย SMEs เป็นผู้ประกอบการกลุ่ม Micro) สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 442,649 ล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบ 117,597 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 811,239 ตำแหน่ง มีฐานลูกค้า SMEs สะสมรวมกว่า815,312 ราย

ทั้งนี้ หากจำแนกสัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อรายภูมิภาค อันดับ 1 กรุงเทพฯและปริมณฑล 45% อันดับ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15% อันดับ 3 ภาคใต้ 13% อันดับ 4 ภาคเหนือ 11% อันดับ 5 ภาคตะวันออก 9% อันดับ 6 ภาคกลาง 4% และ อันดับ 7 ภาคตะวันตก 3%

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมค้ำประกันสูงสุด ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการ สัดส่วนการค้ำ 30% วงเงิน 32,113 ล้านบาท (รับเหมา ภัตตาคาร ร้านอาหาร ธุรกิจขนส่งโรงแรมและหอพัก บริการท่องเที่ยว) อัตราการเติบโต 3% 2.การผลิตสินค้าและการค้าอื่น ธุรกิจการค้า สัดส่วนการค้ำ 11% วงเงิน 11,378 ล้านบาท (การค้าวัสดุ ก่อสร้าง การค้าปลีกและแผงลอยและตลาดสด การค้าอื่นๆ 19% การผลิตอื่นๆ 14% ค้าของเก่าและโทรศัพท์มือถือ)

3.เกษตรกรรม สัดส่วนการค้ำ 10% วงเงิน 10,652 ล้านบาท (ค้าส่งผักและผลไม้ การค้าชากาแฟ การค้าสินค้าเกษตรอื่นๆ ปศุสัตว์ การค้าส่งข้าว ) 4.กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม 5.กลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งเป็นภาคธุรกิจการบริโภคในประเทศ ในภาคท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ครองสัดส่วนการค้ำประกัน 68%

ด้านการช่วยลูกหนี้ แก้หนี้ยั่งยืน “บสย. พร้อมช่วย” ผ่านมาตรการ 3 สี มีลูกหนี้ บสย. ได้รับการประนอมหนี้12,580 ราย วงเงินรวม 4,652 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการ SMEs ลงทะเบียนขอรับคำปรึกษาและร่วมอบรมผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs หรือ บสย. F.A.Center จำนวน 15,885 ราย คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จในการเข้าถึงสินเชื่อจากการให้คำปรึกษา 16%

นายสิทธิกร กล่าวด้วยว่า สำหรับแผนงานปี 2567 บสย. พร้อมเดินหน้าตามกรอบแผนวิสาหกิจ ตามยุทธศาสตร์องค์กรและกลยุทธ์เชิงรุก TCG Fast First เดินหน้า เดินหน้าการขับเคลื่อนองค์กรด้วย Digital Technology ในเฟส 2 การพัฒนา Digital Guarantee Platform สู่ SMEs Gateway วางบทบาท กองหน้า กองกลาง และกองหลัง ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน

เริ่มต้นที่กองหน้า มุ่งสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ครบวงจรผ่านศูนย์ที่ปรึกษา SMEs (บสย.F.A.Center) การยกระดับปรับโฉม สำนักงานเขตสู่โมเดลใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ประกอบการ SMEs สอดรับยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น Credit Mediator เพิ่มบทบาทการเป็นตัวกลางเชื่อมโยง SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนและขยาบทบาทการค้ำประกันผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม นำร่องสาขาชลบุรี และอยุธยา พร้อมเปิดตัวภายในไตรมาสแรก ปี 67

ตามมาที่กองกลาง ประกอบด้วย 1.พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ ตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อ เทรนด์ธุรกิจ กลุ่มStart up และผู้ประกอบการ SMEs รายเซ็กเมนท์ อาทิ กลุ่มรายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มผู้ประกอบการนิติบุคคล ผู้ประกอบการที่ปรับกลยุทธ์สู่ธุรกิจยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม 2.พัฒนา Digital Platform เดินหน้าเฟส 2 Digital Guarantee Platform เชื่อมโลกการเงิน เชื่อมโยงระบบการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. สู่ระบบนิเวศน์ทางการเงิน(Ecosystem) อาทิ การพัฒนาระบบร่วมกับโครงการ PromptBiz , TrustBiz Connext ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ในการขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงิน ผ่านแพลตฟอร์ม Digital Lending การค้ำประกันสินเชื่อ พร้อมยกระดับบริการ LINE OA @tcgfirst ให้ดียิ่งขึ้น

มาสุดท้ายที่กองหลัง เพิ่มมาตรการความช่วยเหลือลูกหนี้ แก้หนี้อย่างยั่งยืน โดย บสย. ได้ขยายมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่องอีก 1 ปี ตอกย้ำความสำเร็จโครงการ นอกจากนี้ บสย ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการนำเสนอมาตรการต่อยอดการช่วยลูกหนี้อย่างยั่งยืนในมาตรการ 3 สี ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือลูกหนี้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น ตามเป้าหมายแก้หนี้ยั่งยืน “ผ่อนน้อย เบาแรง ปิดหนี้เร็ว” ซึ่งขณะนี้บสย. อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอเพื่อพิจารณา

สำหรับการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาล “หนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ “ บสย. อยู่ในระหว่างดำเนินการเสนอขอขยายวงเงินโครงการ PGS 10 เตรียมพร้อมช่วยลูกหนี้ และกลุ่มอาชีพอิสระ เพื่อช่วยกลุ่มลูกหนี้ SMEs ที่ใช้เงินทุนนอกระบบ โดยใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล มั่นใจช่วยลดความเหลือมล้ำ ช่วยบรรเทาลูกหนี้จากการเป็นหนี้นอกระบบ

ทั้งนี้ บสย. ยังได้เตรียมพร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน : TCG Sustainability BCG-ESG (Environment /Social/Government) ภายใต้แกนหลัก “ค้ำประกันสินเชื่อ” มีผู้ประกอบการ SMEs เป็นศูนย์กลาง ได้แก่1.เพิ่มโอกาสและเติมเต็มศักยภาพทางการเงิน เข้าถึงแหล่งทุนเพิ่มมากขึ้น 2.เพิ่มความรู้ เติมความเข้าใจ ยกระดับการให้คำปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ และการช่วยลูกหนี้ สร้างโอกาสทางธุรกิจ จากโครงการจับคู่ธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการในรูปแบบ Business Matching 3. เพิ่มบทบาทการช่วยลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืน ทั้งนี้ภายใต้ บทบาทด้านการค้ำประกัน SMEs บสย. มีสัดส่วนค้ำประกันสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2562 คาดว่าในปี 2566 สัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพิ่มเป็น 28% ของยอดค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 1,486,812 ล้านบาท