- เผยตั้งสำรองไว้เกินเกณฑ์เพื่อรับหนี้เสียแล้ว 5,000 ล้านบาท
- กำไรปีนี้เหลือ 9,000 ล้านบาท จากเป้า 13,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เปิดเผยความคืบหน้าการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่เข้ามาตรการพักชำระหนี้ของธนาคาร ว่า มาตรการพักชำระหนี้ล็อตสุดท้ายที่จะสิ้นสุดในเดือนม.ค.ปีหน้าวงเงินจำนวน 90,000 ล้านบาทนั้น ในจำนวนนี้มีอยู่ 9,000 ล้านบาทที่ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องจับตา เพราะเข้าโครงการพักหนี้นานที่สุด โดยคาดในจำนวนนี้จะเป็นกลายหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอล จำนวน 4,500 ล้านบาท หรือประมาณ 50 % ของมูลหนี้
“ล็อตสุดท้ายนี้ เป็นเหมือนระเบิดเวลา และเป็นตัวชี้วัดหนี้เสียที่เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเปราะบางสูงมาก ดังนั้นสิ่งธอส.เตรียมรับมือได้ คือ ตั้งสำรองส่วนเกินให้เพียงพอมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และติดต่อลูกค้าให้ได้ทุกราย”
สำหรับการชำระหนี้ในล็อตแรกที่สิ้นสุดเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ที่ไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ประมาณ 9, 000 ล้านบาท ต่อมาในล็อตที่สองสิ้นสุดเมื่อสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา 275,000 ล้านบาท 87% สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ลูกหนี้ชำระได้บางส่วนมีประมาณ 8.7% และชำระไม่ได้เลย 4.5%
“ยอดการชำระหนี้ในล็อตที่สองนี้ ถือว่า ดีกว่าที่คาด ซึ่งเดิมคาดว่า จะชำระหนี้ไม่ได้ถึง 20% แต่ผลปรากฎว่าไม่สามารถชำระได้เพียง 4.5% เท่านั้น”
ทั้งนี้ หนี้เสียของธนาคารเมื่อสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.68% หรือ 46,000 ล้านบาท ส่วนเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นอีกราว 2, 600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นหนี้เสียที่เกิดขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตามคาดว่าตลอดทั้งปีหนี้เสียจะอยู่ในระดับทรงตัว
สำหรับการปล่อยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนพ.ย.อยู่ที่ 195,000 ล้านบาท ขาดอีก 14, 000 ล้านบาท ก็จะตามเป้าหมาย 210, 000 ล้านบาท แต่คาดว่าในเดือนธ.ค.จะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 23,000 ล้านบาท ด้านผลกำไรในปีนี้คาดจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 13,000 ล้านบาท เนื่องจาก ต้องกันไว้เพื่อสำรองการเลื่อนชั้นของลูกหนี้ ซึ่งขณะนี้ธนาคารกันสำรองไว้เกินเกณฑ์แล้วราว 5,000 ล้านบาท
สำหรับกรณีปัญหาการล่มของแอปพลิเคชันสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งกระทบต่อการชำระหนี้ของลูกค้าของธนาคารนั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า ได้แจ้งลูกค้าไปแล้ว ว่ามีการขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้งวดเดือนพ.ย.ออกไป 4 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ศุกร์ 4 ธ.ค.นี้ โดยธนาคารนับว่าไม่มีการผิดนัดชำระหนี้และไม่มีการส่งข้อมูลไปให้เครดิตบูโร
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับธอส.แต่ทางธนาคารได้มีการป้องกันแก้ไขแล้ว จากที่ดูปัญหาที่แอปฯ ล่ม คือ เรื่องของปริมาณที่เข้ามามากสูงกว่าปกติประมาณ 20% ในส่วนของธอส.สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากถึง 30%
“ตอนนี้เวลาเกิดปัญหาระบบรับชำระกับธนาคารหนึ่งจะลามไปหลายแห่ง ข้อมูลที่ส่งระหว่างธนาคารก็จะมีปัญหา รวมถึง กระทบผู้บริโภคโดยตรงด้วย”
ขณะที่แอปพลิเคชัน GHB ALL ล่าสุดมีผู้ใช้บริการแล้ว 800,000 ราย โดยตั้งเป้ามีผู้ใช้ 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้ แต่เนื่องจาก สถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จำนวนผู้ใช้ไม่ครบตามเป้า โดยคาดว่าจะครบ 1 ล้านรายได้ในไตรมาสหนึ่งของปี 64 โดยเตรียมดึงให้ลูกค้าเงินฝากและเงินกู้หันมาใช้ดิจิทัลเซอร์วิสของธอส.มากขึ้น