“ธนาธร”เปิดใจไม่ท้อพร้อมเดินหน้าต่อ

  • เผย1ปีพรรค“อนาคตใหม่”มีทั้งโกรธแค้นและสนุกสนาน
  • เตรียมลุยต่อ งานสภา-เลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2562 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน “1 ปีอนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน Walk with me, Talk with me นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ขึ้นกล่าวถึงก้าวย่างต่อไปของพรรคอนาคตใหม่หลังจากนี้ ว่า 1 ปีผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ทำให้พวกเรารู้สึกโกรธแค้น และเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเรายิ้มอย่างสนุกสนาน และเป็นกำลังใจให้เราก้าวต่อไป สิ่งแรกๆที่พวกเราพูดตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ เรายืนยันในสิ่งเดิมมาโดยตลอด คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งวันนั้นหลายคนคิดว่าเป็นแค่วาทกรรมทางการเมือง แต่วันนี้ เราจะเห็นว่าได้มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว เป็นเรื่องจริง

“70 วันหลังการเลือกตั้ง เราเห็นเลยว่าความพยายามสืบทอดอำนาจมีอยู่จริง และที่น่ากลัวก็คือการใช้ ส.ว. 249 คนเลือกประยุทธ์ โดยไม่มี ส.ว.ที่แตกแถวเลยซักคน ผมเห็นแล้วผมรู้สึก หนึ่ง คือกลัว สองคืออันตราย ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าพวกเขาไม่ยอมปล่อยอำนาจออกมา สังคมมันจะเปลี่ยนผ่านอย่างสงบสุขได้อย่างไร”

อย่างไรก็ตาม ยืนยันตรงนี้ว่าตนและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ทุกคน ไม่มีใครสูญเสียกำลังใจ ท้อถอย เราจะเดินหน้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ ดังนั้น จะแบ่งการทำงานเพื่อเดินหน้าต่อไปเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่ง คือการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร แม้ตนจะไม่ได้เข้าไปทำงานในสภา แต่ยังมีอีก 79 คนที่พร้อมจะทำงานในสภา เราจะนำวัฒนธรรมการเมืองใหม่ๆเข้ามาใช้ทำงานในสภา เราจะฟังปัญหาของประชาชน เปิดให้ประชาชนเข้ามาพูดคุยและแก้ไขปัญหาร่วมกัน เรื่องเพื่อผลักดันเป็นญัตติ กระทู้ หรือการใช้อำนาจของกรรมาธิการต่างๆ จะใช้อำนาจในการเสนอร่างกฎหมายต่างๆโดยใช้กลไกรัฐสภาผลักดัน

“งานขาที่สอง คือการสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งกว่านี้ โดยตนยอมรับว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่มีความผิดพลาดทั้งในระดับยุทธศาสตร์และในระดับปฏิบัติการเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราจะนำสิ่งที่เราตัดสินใจพลาดกลับเข้ามาประมวลผล แล้วใช้ประสบการณ์เหล่านั้นมาสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งกว่านี้ เรายอมรับว่าหลายเรื่องเราทำได้ไม่ดีพอ ดังนั้น คนที่ไม่ได้เข้าไปทำงานในสภา จะออกไปขยายแนวร่วมในกลุ่มประเด็นปัญหาต่างๆ ไปฟังข้อเสนอและชักชวนมาทำงานร่วมกัน ส่งให้ ส.ส.ของพรรคในสภาไปผลักดันเป็นกฎหมาย เราตั้งเป้าที่จะผลักดันขยายจำนวนสมาชิกให้มากขึ้น โดยในปีนี้เราจะทำให้สมาชิก 54,000 คนได้โหวตออนไลน์เพื่อกำหนดทิศทางของพรรคให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการฟังเสียงของสมาชิก ในการตัดสินใจเรื่องที่ยาก เราจะดึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกเข้ามาให้มากขึ้น ขยายความคิดและอุดมการณ์ของพรรคออกไปให้มากกว่านี้ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเรายังเข้าถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ ดังนั้น เราจะเข้าไปขยายแนวคิดของเราให้ไปถึงวงกว้างมากขึ้น รวมไปถึงฐานเงินทุนของพรรค ให้พรรคมีอิสระทางการเงินให้ได้ เพราะถ้าวันหนึ่งธนาธรเปลี่ยนไป พรรคนี้จะสามารถเตะธนาธรออกไปแล้วหาหัวหน้าพรรคคนใหม่มาสู้แทนทุกคนได้ พรรคนี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าธนาธร พรรคนี้ต้องไปไกลกว่าปิยบุตร พรรคนี้ต้องเข้มแข็งกว่าพรรณิการ์ เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนมาร่วมกันสร้างพรรคนี้ให้เข้มแข็ง ให้เป็นพรรคของทุกคน”

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ส่วนขาที่สาม การทำงานการเมืองท้องถิ่น ยอมรับว่าพรรคเรายังไม่มีทรัพยากรและบุคลากรที่เข้มแข็งพอในการส่งผู้สมัครลงการเมืองท้องถิ่นได้ครบทั้ง 77 จังหวัด ตอนนี้อาจจะได้สัก 20-30 จังหวัด แต่ก็จะส่งเท่าที่ทำได้ ที่เราต้องมาทำการเมืองท้องถิ่น เพราะอำนาจทุกอย่างยังอยู่ที่กลไกของรัฐราชการส่วนกลาง มีผลต่อชีวิตของประชาชนในทุกด้าน ท้องถิ่นไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริง สิ่งที่เราต้องทำคือการผลักดันอำนาจเหล่านั้นกลับลงไปที่บ้านของทุกคน เราจะเข้าไปเขย่าการเมืองท้องถิ่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยนโยบายระดับชาติที่มีเป้าหมายเพื่อนำอำนาจและงบประมาณกลับลงไปสู่ท้องถิ่นให้ได้

“เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของพรรคอนาคตใหม่ ยังคงเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เป้าหมายใหญ่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหน คือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้น่าอยู่ เท่าเทียม เป็นธรรมมากขึ้น วันนี้เสาหลักทั้งสามต้นที่ค้ำจุนความไม่เป็นธรรมในสังคมไทยยังอยู่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทุนผูกขาด กองทัพ และรัฐราชการรวมศูนย์ ซึ่งจะต้องได้รับการปฏิรูปทั้งหมด จาก 27 พฤษภาคมถึงวันนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รูปแบบกิจกรรมอาจจะเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือผมและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ยังคงยืนยันในคำเดิมที่พูดเมื่อวันนั้น คือการต่อสู้เพื่อสถาปนาอำนาจที่เป็นของประชาชนขึ้นมา” นายธนาธรกล่าว