ถอดสมการความรวย!!

คราวที่แล้วเล่าถึง “แม่บ้านเงินล้าน” ลูกจ้างรายวัน ที่ได้ค่าจ้างเพียงค่าแรงขั้นต่ำ ปัจจุบันอายุ 47 ปี  แต่มีเงินเก็บและเงินลงทุนในกองทุนรวมมากถึง 2 ล้านบาท!!  

เรามาถอดสมการความรวยเพื่อหากุญแจความสำเร็จของพี่หนูปาริชาติพงษ์คำแม่บ้านประจำตลาดหลักทรัพย์ฯกันอีกครั้งเพื่อเป็นกำลังใจว่าใครก็ทำได้และเราก็ทำได้!! 

นอกจากความขยันและอดออมแล้วสิ่งที่พี่หนูยึดปฏิบัติคือเธอจะไม่เป็นหนี้!!  “ต้องใช้ให้น้อยกว่าที่หาได้เธอจึงประหยัดและไม่ใช้จ่ายเกินตัว!!  ดังนั้นใครที่กำลังยึดหลัก “ของมันต้องมี” ใช้มากกว่าที่หาได้ ก็ต้องกลับมาประหยัด-ลดรายจ่าย หากลดจนสุดตัวแล้ว ก็ยังไม่พออีก ก็ต้องหางานพิเศษทำ เพิ่มรายได้ 

จุดเริ่มต้นของคนที่จะมีเงินออมได้คือต้องหาให้ได้มากกว่าจ่าย!! 

กรณีพี่หนูเมื่อต้องออกจากบ้านนายจ้างที่อยู่มาตั้งแต่อายุ 14 ปี  ซึ่งจะต้องกินอยู่ใช้จ่ายเองบ้านต้องเช่าข้าวต้องซื้อด้วยค่าแรงขั้นต่ำเพียงวันละ 165 บาท!! สำหรับคนอื่นอาจมองว่าน้อยแต่สำหรับพี่หนูกลับมองว่ามาก!!  เพราะมากกว่าเงินเดือนสุดท้ายที่ 2,500 บาทเกือบเท่าตัว 

พี่หนูจึงเลือกที่จะหาบ้านเช่าใกล้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เดิมตั้งอยู่ย่านคลองเตยเพื่อประหยัดค่าเดินทาง และเมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ายมาอยู่ย่านรัชดาภิเษก พี่หนูก็ไม่ลังเลที่จะย้ายมาหาที่พักราคาถูกใกล้ที่ทำงานใหม่ 

ที่สำคัญพี่หนูยังมีวินัยทางการเงินมากเธอยึดหลักจดแก้จนการจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดทำให้รู้พฤติกรรมตัวเองว่าจะประหยัดอะไรได้อีกที่จะทำให้มีเงินเก็บเพิ่ม 

ที่สำคัญทำให้วางแผนการใช้จ่ายและเก็บออมได้อย่างดี  “พี่หนู”วางแผนใช้จ่ายค่าอาหาร วันละไม่เกิน 100 บาท อาหารมื้อเช้าเธอมีความสุขกับการชงกาแฟกินเอง พร้อมอาหารรองท้องเล็กน้อย ส่วนมื้อกลางวันจะซื้อเผื่อกินมื้อเย็นไปด้วยเลย  แม้ราคาไม่แพง แต่อิ่มอร่อยและได้สารอาหารครบ 

“พี่หนู”ยืนยันว่า รายได้วันละ 500 บาท บวกค่าล่วงเวลาเล็กน้อย สามารถใช้ชีวิตในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงอย่างกรุงเทพฯ ได้อย่างพอเพียง หากประหยัดอดออมและมีวินัยทางการเงิน 

ทุกวันนี้พี่หนูใช้จ่ายเดือนละไม่เกิน 6,000 บาทและมีเงินเหลือเก็บเพื่อนำไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเพิ่มเดือนละไม่ต่ำกว่า 9,000 บาท 

เธอบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่การกำหนดเป้าหมายและวางแผน “พี่หนู” จะวางเป้าหมายการลงทุนของตัวเองไว้ทุกปี ซึ่งช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนปรับตัวลงหนักๆ จากพิษโควิด-19   พี่หนูบอกว่า ยิ่งต้องลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ตลาดดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับขึ้นมาเอง เพราะเราเน้นลงทุนระยะยาว

พี่หนูรู้เรื่องการลงทุนนอกจากที่ได้รับอบรมในโครงการ Happy Money, Happy Retirement แล้วเมื่อมีเวลาว่างเธอจะหาความรู้เพิ่มเติมโดยอ่านหนังสือในห้องสมุดมารวยที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างเงินทองต้องวางแผน  และออมก่อนรวยกว่าถือเป็นเล่มแรกๆที่เธอหยิบอ่าน!!

ขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ​