ตลาดหุ้นสหรัฐฯกังวลเจรจาการค้าล่ม-เศรษฐกิจโลกระส่ำ ดาวโจนส์ลบ 1.63 จุด

  • นักลงทุนกังวลการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯตกลงกันไม่ได้
  • เศรษฐกิจจีนทรุดรับผลกระทบสงครามการค้า
  • ด้านเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวต่ำ แต่ยังไม่ถดถอย

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 14พ.ย.ปรับตัวลง 1.63 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 27,781.96 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 3,096.63 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลดลง 3.08 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 8,479.02 จุด

นักลงทุนยังคงกังวลการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ไม่คืบหน้า หลังสื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังเผชิญกับภาวะติดขัด เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ในประเด็นการซื้อสินการเกษตร

โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐญ เปิดเผยว่า จีนได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง เนื้อหมู และสินค้าการเกษตรอื่นๆจากสหรัฐมูลค่าสูงสุดปีละ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จีนพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยการเพิ่มข้อจำกัดต่างๆในรายละเอียดของข้อตกลง

แหล่งข่าวระบุว่า แม้จีนพยายามหลีกเลี่ยงการลดข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐมากกว่าตัวเอง แต่จีนก็ต้องการความยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ของจีนรายหนึ่งกล่าวว่า จีนสามารถเลิกซื้อสินค้าจากสหรัฐได้หากสถานการณ์ย่ำแย่ลง และข้อพิพาทประเด็นการซื้อสินค้าการเกษตรถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้การเจรจาล่าช้าออกไป

นอกจากนั้น ผลกระทบจากสงครามการค้ายังทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว โดยจีนประกาศตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีน ชะลอตัวลงอย่างแรง เช่นเดียวกับผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขณะที่อัตราการขยายตัวของการลงทุนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีทีท่าว่า ผลกระทบเหล่านี้จะยังคงมีความรุนแรง ภายใต้การเจรจาการค้ากับสหรัฐที่ยังไม่มีความแน่นอน

ขณะที่ในฝั่งยุโรป การขยายตัวของเศรษฐกิจหลายๆประเทศหลักยังไม่ดีขึ้น โดยล่าสุดศเยอรมนี ระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวไตรมาสที่ 3เพียง 0.1% แต่อย่างไรก็ตาม ยังสูงกว่าที่่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 0.1% ซึ่งเป็นระดับเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังเชื่อมั่นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดติดต่อกัน 3 ครั้ง ได้ช่วยให้ศรษฐกิจของสหรัฐน่าจะขยายตัวต่อเนื่องได้