ดาวโจนส์ สวิงบวกลบ นักลงทุนรอดูทิศทาง เศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น

  • ตัวเลขสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่ม 2.44 ล้านรายสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
  • พิษโควิด-19 และการปิดธุรกิจทำชาวอเมริกันตกงานแล้วสูงถึง 38.6 ล้านราย
  • หุ้นเทคโนโลยีพุ่งพยุงตลาด หุ้นเฟซบุ๊กแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อเวลา 21.50 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 24,564.97 จุด ติดลบ10.93 จุด หรือ -0.04% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,319.60 จุด ลดลง 56.18 จุด หรือ -0.60% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 2,961.42 จุด ลดลง 10.19 จุด หรือ -0.34%


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในช่วงของการรอดูทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวท้ั้งในแดนบวกและแดนลบสลับกันไป โดยหลายเมืองอยู่ระหว่างการเริ่มต้นผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา ตรงกันข้ามกับเครื่องชี้เศรษฐกิจ เช่น การว่างงานที่ยังคงเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่


กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 2.44 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.40 ล้านราย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ชาวอเมริกันตกงานสูงถึง 38.6 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.


อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่มีการรายงานในวันนี้ถือว่าต่ำที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว และมีการชะลอตัวติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 นับตั้งแต่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.
เมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ คาดการณ์ว่า บริษัทจะประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานคิดเป็นวงเงินช่วง 905 ล้านดอลลาร์ และ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรก เนื่องจากบริษัทต้องปิดสาขาจำนวนมากตามมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับบริษัทเบสท์บาย ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกสินค้าอิเลคทรอนิคส์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไร, รายได้ และยอดขายลดลงในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


อย่างไรก็ตาม หุ้นเทคโนโลยีีที่ปรับเพิ่มขึ้นช่วยพยุงตลาดไม่ให้ลดลงมาก โดยหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อเมซอนดีดตัวขึ้น 1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ส่วนอัลฟาเบทและแอปเปิลบวก 0.4% และ 0.3% ตามลำดับ