ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลดลงกว่า 70 จุด กังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย

.บรรยากาศอึมครึมรอดูทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยยังกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ

.นักลงทุนเทขายหุ้นจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด 13-14 ธ.ค.นี้

.นักวิเคราะห์มองมีโอกาสเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยในปีหน้า ส่งผลนักลงทุนเทขายลดความเสี่ยงต่อเนื่อง

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,517.27 จุด ลดลง
79.07 จุด หรือ -0.24% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,942.43 จุด ลดลง 72.47 จุด หรือ -0.66% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,930.43 จุด ลดลง 10.83 จุด หรือ -0.30%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังในบรรยากาศไม่สดใส นักลงทุนจับตาเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 โดยมีแรงเทขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อนการประชุมดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.0% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แม้เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่สามารถสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค.2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%

อย่างไรก็ตาม นายเอริค โรเบิร์ตสัน หัวหน้านักวิจัยระดับโลกของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานชื่อ “เรื่องเซอร์ไพรส์ของตลาดการเงินในปี 2566” หรือ “The financial-market surprises of 2023” โดยได้ระบุถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งตลาดได้มองข้ามไป และหนึ่งในเหตุการณ์ในรายงานดังกล่าวคือ หากเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เฟดอาจจะต้อง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 2.00%