ดาวโจนส์ปิดลบ 176จุด กังวลเศรษฐกิจชะลอตัว

Business team investment trading do this deal on a stock exchange. People working in the office.
  • นักลงทุนจับตาภาวะเศรษฐกิจ การขึ้นดอกเบี้ย หลังเฟดเริ่มใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (QT) วันนี้วันแรก
  • มีแรงเทขายลดความเสี่ยง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจยังขยายตัวดีขึ้น
  • ตลาดหุ้นสหรัฐจับจาการประชุมเฟดในวันที่ 14-15 พ.ค.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 1 มิ.ย.ที่ 32,813.23 จุด ลดลง 176.89 จุด หรือ -0.54%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,101.23 จุด ลดลง 30.92 จุด หรือ -0.75% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,994.46 จุด ลดลง 86.93 จุด หรือ -0.72%

นักลงทุนติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ในวันนี้ ตามมติในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 4 พ.ค

ขณะที่กังวบว่าเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากหดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/2565 โดยล่าสุดนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมสองครั้งข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนจนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง

ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 โดยสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานอยู่ที่ระดับ 11.4 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งแม้ว่าลดลง 455,000 ตำแหน่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง และบ่งชี้ว่าตัวเลขค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูง ขณะที่บริษัทต่าง ๆ พยายามปรับขึ้นค่าแรงเพื่อดึงดูดพนักงาน

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 ในเดือนพ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีร่วงลงสู่ระดับ 54.5 จากระดับ 55.4 ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ดีดตัวขึ้น

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน 

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.67% โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.85% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.53% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1.42% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.33%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 1.42% นำโดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ดิ่งลง 2.03% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 0.97% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ปรับตัวลง 0.85% หุ้นโมเดอร์นา ร่วงลง 1.33% หุ้นไฟเซอร์ ลดลง 1.26%

ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 1.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1%

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.76% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ฟื้นตัวเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.96% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.83% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 3.02% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.17%

///////////