ดาวโจนส์ปิดลดลง173จุด กังวลว่างงานพุ่ง-ความเชื่อมั่นลด

  • ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด
  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย.ร่วง
  • นักลงทุนขายหุ้นห่วงเศรษฐกิจฟื้นช้า-ตลาดปิดพรุ่งนี้วันขอบคุณพระเจ้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่25พ.ย.ที่ 29,872.47 จุด ลดลง 173.77 จุด หรือ -0.58% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,629.65 จุด ลดลง 5.76 จุด หรือ -0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,094.40 จุด เพิ่มขึ้น 57.61 จุด หรือ +0.48%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากพุ่งขึ้นทะลุ 30,000จุดในวันก่อนหน้า โดยมีแรงเทขายหุ้นออกมา ตัวเลขการว่างงานที่ยังเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันดัชนี ขณะที่นักลงทุนบางส่วนขายหุ้นลดความเสี่ยง ในช่วงวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 778,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 733,000 ราย จากระดับ 742,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในสหรัฐและทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก โดยล่าสุด รัฐลุยเซียนาเริ่มกลับมาใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 เฟสที่ 2 อีกครั้งเมื่อวานนี้ และจะบังคับใช้เป็นเวลา 28 วัน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างมาก ขณะที่รัฐนิวยอร์กเตือนว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอาจพุ่งขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด ทำให้รัฐนิวยอร์กต้องกำหนดพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 76.9 ในเดือนพ.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 76.8 จากระดับ 81.8 ในเดือนต.ค.

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้

ขณะที่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.

นักลงทุนเทขายหุ้นแทบทุกกลุ่ม หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.79% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.73% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.36%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 1.05% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลบ 0.19%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีแนสแด็กปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนหันมาทำกิจกรรมทางออนไลน์มากขึ้น โดยหุ้น Zoom Video Communications พุ่งขึ้น 3.78% หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 2.67% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.44% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.15% หุ้นแอปเปิล บวก 0.75%

หุ้นเทสลายังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นอีก 3.35% มูลค่าตลาดของเทสลาทะยานขึ้นเหนือระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แม้มีข่าวว่าเทสลาเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 9,500 คันก็ตาม