ดาวโจนส์ปิดร่วง 323จุด กังวลตัวเลขจ้างงานต่ำคาด-เดลตาระบาด

.ผิดหวังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าคาด กดดันดัชนีตลาดร่วงแนง
.นักลงทุนจับตาการกลับมาระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตากระทบการฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐ
.มีแรงหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีขึ้นสวนทางตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 4ส.ค.ที่ 34,792.67 จุด ลดลง 323.73 จุด หรือ -0.92% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,402.66 จุด ลดลง 20.49 จุด หรือ -0.46% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,780.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.24 จุด หรือ +0.13%

ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนออกมาน่าผิดหวัง ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ให้ลดลงแรง ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 330,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 653,000 ตำแหน่ง โดยการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

นักวิเคราะห์จากบริษัท Robert W Baird & Co กล่าวว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์มาก ซึ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังและพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สหรัฐกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

ขณะเดียวกันนักลงทุนหันไปจับตาตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เพื่อดูทิซทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน

ตลาดยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดตลาดนักลงทุนขายหุ้นออกมาแทบทุกกลุ่ม โดยกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.93% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทรุดตัวลง 5.74% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.02% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.34% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.24%

หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นดังกล่าวรวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.06% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.74% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.69% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.08% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 1.87% หุ้น 3M ร่วงลง 1.74% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.32%

หุ้น GM ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 8.98% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.23 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ดัชนีแนสแด็ก ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 64.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 60.1 ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.19% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.39% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.28% หุ้น Snap ทะยานขึ้น 4.8%