ดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 543จุด ผิดหวังผลประกอบการ-แรงขายหุ้นเทคโนโลยี

.นักลงทุนเทขายหุ้น หลังโกลด์แมน แซคส์ รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง
.กองทุนลดน้ำหนักความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่ำสุดในรอบ11ปี
.ตลาดจับตาภาพรวมเศรษฐกิจ เฟดนิวยอร์กประกาศดัชนีภาคการผลิต ม.ค.ติดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 18 ม.ค.ที่ 35,368.47 จุด ลดลง 543.34 จุด หรือ -1.51%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,577.11 จุด ลดลง 85.74 จุด หรือ -1.84% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,506.90 จุด ลดลง 386.86 จุด หรือ -2.60%

มีเทขายหุ้นต่อเนื่อง หลังโกลด์แมน แซคส์ รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง ส่งผลหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลดลงแรง ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารลดลงตามด้วย

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 2.3% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4/2564 ร่วงลง 13% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ หรือ 10.81 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดว่าจะอยู่ที่ 11.76 ดอลลาร์/หุ้น

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 6.97% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.44% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.93% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 4.19% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.34% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.43%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน 2.49% โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดิ่งลง 4.14% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.89% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.43% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.83% หุ้นอินเทล ลดลง 1.69%

โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones Investments กล่าวว่า หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.87% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

ขณะเดียวกันสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกาซึ่งระบุว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่ผลสำรวจของดอยซ์แบงก์ระบุว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้ว

หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 1.53% หลังจากศูนย์การแพทย์เชบา (Sheba Medical Center) ของอิสราเอลเปิดเผยผลการวิจัยเบื้องต้นระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 4 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.4% หลังราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.71% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.29% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.81% หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.49%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจาก ตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ลง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ร่วงหนักในวันนี้ ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงมาแตะที่ -0.7 ในเดือนม.ค. จากระดับ 31.9 ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 25.5 อย่างมาก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยนายแพทย์วิเวค เมอร์ธีย์ ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐ ออกโรงเตือนว่า สหรัฐต้องพร้อมรับมือกับสัปดาห์ที่ยากลำบากในหลายพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากสหรัฐยังไม่พ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน