ดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 107 จุด กังวลเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดขึ้นดอกเบี้ย

.เงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.ดีดตัวขึ้น 0.9%สูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย.2551
.นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
.ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 ออกมาดีตามคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 13 ก.ค.ที่ 34,888.79 จุด ลดลง 107.39 จุด หรือ -0.31% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,369.21 จุด ลดลง 15.42 จุด หรือ -0.35% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,677.65 จุด ลดลง 55.59 จุด หรือ -0.38%

นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.อาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0% ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2566 ขณะที่มีแนวโน้ม 90% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2565

มีแรงขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในหลายกลุ่ม หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 1.32% โดยหุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ร่วงลง 3.24% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ร่วงลง 2.27% หุ้นซีบีอาร์อี กรุ๊ป ดิ่งลง 3.05% หุ้นซีทีโอ เรียลตี้ โกร้ธ ลดลง 0.42%

กลุ่มหุ้นสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ปรับลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน “วิคตอเรีย ซีเครท” ร่วงลง 3.17% หุ้นไนกี้ ลดลง 0.14% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.14% โดยคาปรีเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ และจิอันนี เวอร์ซาเช่

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน โดยเป็นการลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 2.11% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.99% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.56%

หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.72% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.19% แม้ธนาคารทั้ง 2 แห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 ก็ตาม โดยโกลด์แมน แซคส์มีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 15.02 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.24 ดอลลาร์ ขณะที่เจพีมอร์แกนมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 3.78 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.21 ดอลลาร์

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 4.23% หลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ระบุว่า เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์บางลำที่ยังไม่ได้ถูกส่งมอบนั้น มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพด้านการผลิต พร้อมสั่งการให้โบอิ้งเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวให้ได้ก่อนที่จะส่งมอบเครื่องบินให้กับลูกค้า

อย่างไรก็ตาม หุ้นเป๊ปซี่ โค พุ่งขึ้น 2.31% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.72 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐต่างๆกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ทำให้ร้านอาหารสามารถให้บริการเครื่องดื่มและอาหารแก่ผู้บริโภค หลังจากที่เผชิญมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ (14 ก.ค.) และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.)