ดาวโจนส์บวก 704 จุด รับข่าวดีมีความคืบ หน้าผลิตยาต้านโควิด-19

  • มหาวิทยาลัยชิคาโกประกาศการทดลองยา Remdesivir ได้ผลดี
  • ทรัมป์ เตรียมมาตรการ3ระยะ ทยอยเปิดเมืองอีกครั้ง
  • นักลงทุนซื้อหุ้นเก็งกำไรผลประกอบการบริษัท

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 17เม.ย.วันสุดท้ายของสัปดาห๋ที่ 24,242.49 จุด เพิ่มขึ้น 704.81 จุด หรือ +2.99%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,874.56 จุด เพิ่มขึ้น 75.01 จุด หรือ +2.68% ด้านดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,650.14 จุด เพิ่มขึ้น 117.78 จุด หรือ +1.38%

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น จากแรงหนุนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากมีรายงานของ STAT News ซึ่งเป็นนิตยสารด้านสุขภาพที่ระบุว่า ผลการทดสอบยา Remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences ของสหรัฐนั้นพบว่า ยาดังกล่าวสามารถใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนหายดีได้

มหาวิทยาลัยชิคาโกได้ทำการทดลองยา Remdesivir ในผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 125 รายแล้วพบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับยา Remdesivir สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วจากอาการไข้ และปัญหาระบบทางเดินหายใจ

ด้านสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐยังได้ประกาศผลการทดลองพบว่า ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการรักษาลิงที่ติดเชื้อโควิด-19

ขณะที่ฝั่งยุโรปนายพอล ฮัดสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทซาโนฟีของฝรั่งเศสคาดว่า บริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 600 ล้านโดสได้ภายในปีหน้า ถ้าหากการทดสอบทางคลินิกร่วมกับบริษัทแกล็กโซสมิทไคลน์ (GSK) ของอังกฤษมีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ ซาโนฟี และ GSK ได้ทำข้อตกลงในการร่วมกันผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในสิ้นปีหน้า โดยจะมีการทดสอบทางคลินิกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็จะทำการผลิตในวงกว้างภายในครึ่งหลังของปีหน้า

ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยแนวทางการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ ที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่มีการบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศแผน “Opening Up America Again” จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยผู้ว่าการของแต่ละรัฐ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นตามผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมา หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 2.6% หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

P&G เปิดเผยกำไรที่ระดับ 1.17 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.13 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่ยอดขายของ P&G พุ่งขึ้น 5% แตะระดับ 1.721 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสดังกล่าว เนื่องจากผู้บริโภคพากันซื้อสินค้ากักตุนไว้ล่วงหน้า ก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม. ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ดิ่งลง 6.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 60 ปีนับตั้งแต่มีการรายงานตัวเลขดังกล่าว สู่ระดับ 104.2 หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี LEI จะร่วงลง 7.0% ในเดือนมี.ค.