.ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ชัดเจน มีทั้งออกมาดีกว่าคาดและต่ำกว่าคาด
.บรรยากาศไม่คึกคัก นักลงทุนซื้อหุ้นเก็งกำไร สลับขายหุ้นลดความเสี่ยง
.หุ้นเแอปเปิ้ล อิงค์ดิ่งลงกว่า 1% หลังมีข่าวว่า บราซิลสั่งห้ามขาย iPhone
เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,381.05 จุด เพิ่มขึ้น
62.61 จุด หรือ +0.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,609.02 จุด ลดลง 21.84 จุด หรือ -0.19% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,932.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.94 จุด หรือ +0.20%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในบรรยากาศสับสน นักลงทุนซื้อขายหุ้นลดความเสี่ยง และสะสมเพื่อทำกำไร หลังตัวเลขเศรษฐกิจยังออกมาไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยจะถดถอยหรือไม่
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.5 จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
อย่างไรก็ตาม เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 43.7 ในเดือนส.ค. จากระดับ 47.3 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 44.1 ทั้งนี้ ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ตลาดหุ้นแนสแด็กอยู่ในแดนลบ โดยราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิล อิงค์ดิ่งลงกว่า 1% หลังมีข่าวว่า บราซิลสั่งห้ามขาย iPhone หากไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี ทั้งนี้ รัฐบาลบราซิลมีคำสั่งห้ามบริษัทแอปเปิล อิงค์ จำหน่าย iPhone ซึ่งไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรีมาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยระบุว่าทางบริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าที่ไม่สมบูรณ์ให้แก่ผู้บริโภค
กระทรวงยุติธรรมบราซิลสั่งปรับบริษัทแอปเปิลเป็นเงิน 12.275 ล้านเรอัล (2.38 ล้านดอลลาร์) หรือราว 87 ล้านบาท พร้อมกับสั่งให้แอปเปิลยกเลิกการจำหน่าย iPhone 12 หรือ iPhone รุ่นที่ใหม่กว่า รวมทั้งห้ามการจำหน่าย iPhone ทุกรุ่นที่ไม่ได้มาพร้อมกับที่ชาร์จแบตเตอรี
คำสั่งของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า “การที่แอปเปิลจำหน่าย iPhone ที่ขาดอุปกรณ์สำคัญถือเป็นพฤติกรรมที่จงใจในการเลือกปฏิบัติต่อผู้บริโภค”
