ดาวโจนส์ดิ่งแรงกว่า 603 จุด หวั่นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ร้ายกว่าโรคซาร์ส

  • นักวิเคราะห์โคโรนาจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกมากกว่ที่คิด
  • หุ้นสายการบิน-พลังงานดำดิ่งกดดัชนีตลาด
  • นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 31 วันศุกร์สุดท้ายของเดือน ม.ค. ที่ 28,256.03 จุด ร่วงลง 603.41 จุด หรือ -2.09%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,225.52 จุด ลดลง 58.14 จุด หรือ -1.77% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,150.94 จุด ลดลง 148.00 จุด หรือ -1.59%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 2.5%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 2.1% และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 1.8% โดยดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. 2562 หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดร่วงลงแรง โดยหุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดดิ่งลง 3.18%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาตรการกักกันชาวอเมริกันทั้งหมดที่เดินทางกลับมาจากจีนมายังฐานทัพอากาศในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม ตลาดฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน หลังนายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการ CDC ระบุว่า ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่สาธารณะอยู่ในระดับต่ำ

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ ร่วง 2.38% และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.17% หลังสองสายการบินนี้ เปิดเผยว่าจะระงับเที่ยวทั้งหมดไปยังจีน

บรรดานักเศรษฐศาสตร์วิตกว่าไวรัสโคโรนาอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือโรค SARS ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 800 คนในปี 2545-2546 และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกราว 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากจีนมีส่วนแบ่งในระบบเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน

หุ้นกลุ่มพลังงานนำตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ร่วง 4.09% และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วง 3.82% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง หุ้นวีซ่า อิงค์ ร่วง 4.4% หลังเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด และเตือนว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับมาตรการจูงใจลูกค้าจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรในปีนี้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดภาคการผลิตในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 42.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2558 หรือรอบ4ปี 2เดือนจากระดับ 48.2 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.8 โดยดัชนี PMI เขตชิคาโกหดตัวต่อเรื่องเป็นเดือนที่ 7

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย.