- นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น รอดูสถานการณ์
- ตลาดคาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่อาจเลื่อนไปหลังเลือกตั้ง
- จับตาผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่ที่ทยอยออกมาสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 23 ต.ค.ที่ 28,335.57 จุด ลดลง 28.09 จุด หรือ -0.1%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,465.39 จุด เพิ่มขึ้น 11.90 จุด หรือ +0.34% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 11,548.28 จุด เพิ่มขึ้น 42.28 จุด หรือ +0.37%
ตลาดยังคงจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ โดยนักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้นหลังจากมองว่ายังคงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ และอาจจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย.
อย่างไรก็ตามนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้ แต่ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเจรจากับวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน
ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังตอบโต้ว่า นางเพโลซีต้องยอมประนีประนอมเพื่อผ่านมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่ายังคงมีความขัดแย้งที่สำคัญระหว่างสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเชื่อว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาดังกล่าว จะเหลือแค่เพียงคำถามเกี่ยวกับขนาดและกำหนดเวลาของการออกมาตรการ
ขณะทีการดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐนั้น ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์พ่ายแพ้ แทบไม่มีผลกระทบต่อตลาด
กลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้นมากที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ หุ้นอินเทลร่วง 10.58% หลังเปิดเผยผลกำไรร่วงลง โดยผลประกอบการของอินเทลถูกกดดัน เนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อแลปท็อปที่มีราคาถูกกว่า ขณะที่ภาคธุรกิจและรัฐบาลต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ปรับลดการใช้จ่ายด้านศูนย์ข้อมูล
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2562 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.3 ในเดือนก.ย. ซึ่งถือว่าภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐยังคงขยายตัวตัวเนื่อง
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วง 3.6% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ลดลงเกินคาด เนื่องจากลูกค้าใช้จ่ายน้อยลงท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และบริษัทต้องกันสำรองเผื่อการผิดนัดชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส บวก 0.2% หลังยา remdesivir ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในสหรัฐ
ทั้งนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อาทิ แอปเปิล, เฟซบุ๊ก, แอมะซอน และอัลฟาเบทในสัปดาห์หน้า