‘ซูเปอร์โพล’ เผยผลสำรวจหยุดคุกคามประชาชน พบ 82.4% เป็นห่วงต่างชาติผนึกนักการเมือง สั่นคลอนประเทศไทย

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องหยุดคุกคามประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 5,962 ตัวอย่างในโลกโซเชียล และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,121 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 – 28 ..2563 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เมื่อถามว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นการ คุกคามประชาชนหรือไม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 97.3% ยกกรณีจลาจลฮ่องกงจุดไฟเผาคุณลุงผู้เห็นต่าง เป็นการคุกคามประชาชน รองลงมาคือ  95.6% ยกกรณีจลาจลฮ่องกง กลุ่มม็อบนักเรียนห้ามครูบาอาจารย์สอนเรียนนักเรียนคนอื่น บังคับให้ไปม็อบ เป็นการคุกคามประชาชน ,  92.3% ระบุ การโจมตี ด่าสลิ่ม ด่า ชังชาติ ต่างฝ่ายต่างด่าโจมตีกันไปมาเป็นการคุกคามประชาชน ,  91.7% ระบุการโจมตี ด่า กลุ่มเห็นต่างในโลกโซเชียล เป็นการคุกคามประชาชน

 91.4% ระบุ ม็อบกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวคนทำผิดกฎหมาย เป็น การคุกคามประชาชน , 91.4% เช่นกัน ระบุกลุ่มนักเรียน ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัย ขณะครูบาอาจารย์กำลังสอน เป็นการคุกคามผู้อื่น , 90.7% ระบุ การยึดพื้นที่ปิดถนน ไม่ให้ประชาชนเดินทางไปมา เป็นการคุกคามประชาชน , 90.5% ระบุ การถอนโฆษณาจากรายการที่เห็นต่างเป็นการคุกคามประชาชน และ 89.8% ระบุ การปลดพิธีกรรายการที่เห็นต่าง เป็นการคุกคามประชาชน เช่นกัน

อีกทั้งที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือ 82.4 % ระบุ เชื่อว่าจริง ที่ชาวต่างชาติกับนักการเมืองไทย กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์และอื่น  ร่วมกันออกแบบ สั่นคลอน ความมั่นคงของประเทศ ซ้ำเติมวิกฤติ ความเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่รฝ17.6% ไม่เชื่อว่าจริง

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือ  77.1% ระบุ กลุ่มม็อบต่าง  ก็คุกคามประชาชน ในขณะที่ 22.9 % ระบุ กลุ่มม็อบต่างๆ ไม่ได้คุกคามประชาชน

ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือ 89.8% เห็นด้วยว่า ทุกฝ่ายควรหยุดคุกคามประชาชน ในขณะที่ 10.2% ไม่เห็นด้วย” ผศ.ดร.นพด กล่าว

ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll ในการศึกษาแนวโน้มความเคลื่อนไหว “หยุดคุกคามประชาชน” ในโลกโซเชียล ซึ่งพบข้อมูลที่น่าพิจารณาคือ จำนวนผู้ใช้โซเชียลเฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว การเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานในวันม็อบ 16 .ที่ผ่านมา จำนวน148,034 ผู้ใช้งานเฉพาะภายในประเทศไทย แต่ ถ้านำข้อมูลรวมจากต่างชาติเข้ามาวิเคราะห์ด้วยมีถึงจำนวน7,928,492 ผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ข้อสังเกตที่ค้นพบอีกประการหนึ่ง คือ ประเทศไทยมีจำนวนเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 12 – 24 ปีทั่วประเทศจำนวน 11,056,769 คน อ้างอิงจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในปี .. 2562 จึงเห็นได้ว่า กลุ่มเคลื่อนไหว “หยุดคุกคามประชาชน” ในโซเชียลจำนวน 148,034 ผู้ใช้งาน คิดเป็น 1.34% เท่านั้นซึ่งยังต้องแยกกลุ่มผู้ใหญ่ที่เข้ามาผสมโรงออกไปอีกในโอกาสต่อไป

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์บ้านเมืองสงบสุขได้มากกว่านี้มากถ้าไม่มีการสร้างปั่นกระแสจากต่างประเทศเข้ามาผสมโรง เพราะระดับกระแสเฉพาะคนในประเทศไทยถูกเติมเชื้อไฟจากต่างประเทศเข้ามาทำให้เกิดภาพลวงตา ปลุกเร้าอารมณ์ให้ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนกำลังตกเป็นเครื่องมือโดยฝ่ายหนึ่งใช้วิธีออนไลน์เชื่อมต่อลงพื้นที่จริง (Online-OnGround) ทำให้เกิดภาพกระแสแรงในโซเชียลแต่ผลการศึกษาพบว่า มีกระปลุกปั่นกระแสจากต่างประเทศเข้ามาผสมโรงโดยเฉพาะช่วงนี้จะหนาแน่นจากกลุ่มประเทศในอาเซียน และกลุ่มประเทศตะวันตก เสมือนเกิดสงครามโลกที่ประเทศไทยกำลังตกเป็นประเทศที่ถูกรุมถล่มให้ “เสาหลักของชาติสั่นคลอน” จึงจำเป็นต้องส่งข้อมูลเตือนไปยังประชาชนทั่วประเทศ

ถ้าประชาชนทุกคนในชาติรู้เท่าทัน มีสติเกาะติดความเป็นจริง มากกว่า ตามกระแสปั่นอารมณ์ จะทำให้เราจะไม่แพ้สงครามโลกโซเชียลครั้งนี้ จึงเสนอให้ หยุดคุกคามประชาชน หยุดคุกคามผู้อื่นทุกรูปแบบ ใครผิดว่าไปตามผิด ชาติบ้านเมืองก็จะเดินหน้าได้ไม่สะดุด ความสงบสุขอยู่ที่สติและปลายนิ้วมือของทุกคน เพราะการศึกษาครั้งนี้ค้นพบชัดเจนว่าอารมณ์ของประชาชนมีส่วนถูกปลุกปั่นจากกลุ่มเคลื่อนไหวในต่างประเทศที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ต้องการให้ประเทศแข็งแกร่งไปมากกว่านี้”  ผศ.ดร.นพด กล่าว