- เทขายดอลล่าร์สรอ.ออกจากทุนสำรอง
- เปิดทาง “เงินหยวน” ของจีนเข้าแทนที่
- พันธมิตรรัสเซียเก็บ“ทองคำ”หนุนหลัง
นักวิเคราะห์ต่างประเทศ ชี้ การสู้รบกันระหว่างรัสเซีย และยูเครน ซึ่งแบ่งโลกออกเป็นสองค่ายในเวลานี้ อาจมีแนวโน้มทำให้ประเทศที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เทขายเงินดอลล่าร์สหรัฐออกจากทุนสำรองเงิน ตรา แล้วหันมาเก็บสะสมทองคำกันขนานใหญ่อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สงครามระหว่างรัสเซีย กับยูเครน ดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ในขณะที่ประธานธิบดี โจ ไบเดน แห่ง สหรัฐ ยังคงต่อสายตรงถึงผู้นำประเทศที่อาจจะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซียอย่าง ซาอุดิอาระเบีย และจีน เพื่อข่มขู่ไม่ให้พวกเขาให้การสนับสนุนประ ธานาธิบดีปูติน แห่ง รัสเซีย
นักวิเคราะห์ต่างประเทศ แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ความยุ่งยาก จนนำไปสู่ภาะถดถอยครั้งร้ายแรง เมื่อพิจารณาจากปัจจัยด้านต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น การที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ไม่ยอมรับสายจากประธานาธิบดีไบเดน
ตรงกันข้าม เขากลับเปิดใจคุยกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แห่ง จีน โดยยิน ดีจะขายน้ำมันดิบให้แก่จีน ขณะเดียวกันก็ยินดีที่จะรับ “เงินหยวน” ของจีนแทนเงินดอลล่าร์สหรัฐที่มีกฏกติกาบัญญัติว่าต้องใช้ในตลาดการค้าน้ำมันดิบเท่านั้น
- ซาอุฯเปิดโอกาส“หยวน”แทนที่
การยอมรับสกุลเงินหยวนเข้าสู่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก หรือ โอ เปก ของมกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียดังกล่าว กลายเป็นการเปิดช่องทางให้เงินหยวนของจีนเข้ามามีบทบาทสูงขึ้นในโลก และในตลาดการค้าขายน้ำมันดิบที่มีซาอุดิอาระเบียนเป็นผู้ผลิต และส่งออกรายใหญ่ของโลกในปริมาณการผลิตวันละ 12 ล้านบาร์เรล
เวลาเดียวกัน รัสเซีย ได้หาทางออกจากการถูกคว่ำบาตรที่ไม่ให้มีประเทศใดซื้อน้ำมันดิบ และก๊าซจากรัสเซีย ด้วยการเจรจาขายน้ำมันดิบ และ ก๊าซล่วงหน้าให้แก่จีนเป็นระยะเวลา 30 ปี ด้วยเงินสกุลยูโรของสหภาพยุโรป ซึ่งอยู่ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซีย
นอกจาก จีน และอินเดียที่ไม่ลงมติให้คว่ำบาตรรัสเซีย และแสดงตนเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีปูตินอย่างชัดเจนแล้ว รัสเซียยังได้พันธมิตรใหม่อย่างซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มการค้าที่เรียกว่า บริคส์ : BRICS ประกอบด้วย บราซิล และอัฟริกาใต้ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วย นอกเหนือจาก จีน และอินเดีย
- โครงสร้างการเงินโลกเปลี่ยนฉับพลัน
นักวิเคราะห์จากฟากฝั่งยุโรป หวั่นว่า โครงสร้างการเงินของโลกอาจจะเปลี่ยนแปลงในแบบหักมุมทันที หากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ เนื่องจากบรรดาพันธมิตรรัสเซีย อาจเทขายเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐออกจากทุนสำรองเงินตรา เพื่อปลดพันธะเงินดอลล่าร์ในตลาดน้ำมันดิบโลกซึ่งสหรัฐได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียวมานานออกไป
โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐ กำลังตกอยู่ในห้วงเวลาของการเผชิญศึกหนักทางเศรษฐกิจเช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นถึง 8% ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และหนี้สาธาร ณะที่กดไม่ลง แม้จะมีข้อสัญญากับสภาคองเกรสไว้ทุกปีว่ากระทรวงการคลังจะต้องปรับลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีลงให้ได้
แต่เอาเข้าจริง หนี้สาธารณะของสหรัฐกลับเพิ่มขึ้นทุกปีจนกระท่ังปีนี้ สหรัฐ
มีหนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงถึง 1.3 เท่า หรือเท่ากับมูลค่า 30 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า ไม่มีวันที่สหรัฐจะใช้หนี้นี้ให้หมดได้ นอกจากจะพิมพ์ธนบัตรออกมาจนกลายเป็น แบงก์กงเต็ก
หลังจากนั้น บรรดาพันธมิตรรัสเซีย จะหันกลับมาเก็บเงินตราสกุลอื่นๆที่มีความแข็งแกร่งกว่า และสะสมทองคำเพื่อหนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรของตนอีกครั้ง
โดยกรณีดังกล่าว อาจส่งผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นไปอีกจากการปรับตัวลงช่วงสั้นๆที่ระดับ 1,915 เหรียญต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นเพราะธนาคารกลางสหรัฐ(FED)ปรับขึ้นอัต ราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ส่วนแนวต้านของราคาทองคำจะอยู่ที่ 1,950 – 1,970 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ 1,815 เหรียญ โดยเงินบาทอ่อนค่าที่ระดับ 33.36 บาท และยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไป
ขอบคุณภาพจากธนาคารกรุงศรี
