ชาวเช็ก ไม่พอใจมาตรการล็อกดาวน์ประท้วงเดือด ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา-ฉีดน้ำสกัดกั้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ประเทศสาธารณรัฐเช็กเกิดการประท้วงจากประชาชนที่ไม่พอใจมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนเพื่อต้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเรียกร้องให้ โรมัน ไพรมูรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลาออกจากตำแหน่ง เหราะเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง

ทั้งนี้ชาวเช็กได้ออกมารวมตัวกันจำนวนมากกว่าหลายพันคนที่ที่จัตุรัส โอลด์ ทาวน์ ในเมืองหลวงกรุงปราก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค. 2563 การประท้วงบานปลายกลายเป็นความรุนแรง หลังจากเจ้าหน้าที่เริ่มการสลายการชุมนุม เนื่องจากมีคนมารวมตัวกันเกินกว่าที่กำหนด ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างฝูงชนกับเจ้าหน้าที่ มีการยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลายฝูงชน 

มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนที่ออกมาก่อนหน้านี้ใช้เวลา 3 สัปดาห์โรงเรียน, บาร์ และคลับต่างๆ จะถูกปิดไปจนถึง 3 พ.ย. ส่วนร้านอาหารจะเปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. และให้บริการแบบซื้อกลับบ้านและส่งอาหารถึงบ้านเท่านั้น และการรวมตัวกัน ไม่ว่าจะในบ้านหรือกลางแจ้ง จะถูกจำกัดไม่ให้เกิน 6 คนเท่านั้น

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนอย่างมาก ทำให้กลุ่มสมาคมพลเรือน ‘HON’ จัดการชุมนุมครั้งในวันอาทิตย์ โดยผู้มาเข้าร่วมจำนวนหนึ่งเป็นแฟนฟุตบอล 13 ทีมจาก 18 ทีมในลีกสูงสุดของเช็ก ซึ่งออกแถลงการณ์คัดค้านการล็อกดาวน์ “รัฐบาลประกาศมาตรการโดยอัตโนมัติโดยไม่อธิบายใดๆ และพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่มีโอกาสได้ปรับตัว”

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ต.ค. เช็กรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 11,105 ราย นับเป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่การระบาดเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่ในวันอาทิตย์ ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศจะเพิ่มขึ้นจนทะล 170,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 ศพ