“ชาติไทยพัฒนา”ร่วมตั้งรัฐบาลเพื่อไทยรวม 238 เสียง

“ชาติไทยพัฒนา”ร่วมตั้งรัฐบาลเพื่อไทยรวม 238 เสียง “ชลน่าน” ยัน ไม่มีพันธสัญญาว่าจะเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหลังโหวตนายกฯ

“พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือกมาก เราเสนอทางเลือก พยายามทำทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ถ้าไม่ได้ ทางเลือกต่อมาเราก็ต้องเลือกนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย 10 สิงหาคม 2566

“ผมยืนยันว่าก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เรามีเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงพอม้วนเดียวจบได้” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 10 สิงหาคม 2566

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวภายหลังหารือกับนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาและแกนนำทั้ง 2 พรรค เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันว่า ต้องขอขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนาที่ตอบรับคำเชิญมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล การดำเนินการขณะนี้ของพรรคเพื่อไทยคือการหาเสียงสนับสนุนโหวตนายกรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด ทั้งจากพรรคการเมือง และสว. รวมถึงการเดินทางไปพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ เพื่อจะปลดล๊อกรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ไปเชิญชวนพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล ไม่มีพันธสัญญาว่าจะเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ความกังวลของสว.เชื่อว่าน่าจะลดลงและได้รับการยอมรับ

“การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเราพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพี่น้องประชาชน  อะไรที่เป็นความต้องการส่วนใหญ่ และทำได้ ก็จะพยายามเลือกทางนั้นเป็นอันดับแรก เช่นไปเจรจาให้พรรคการเมือง และวุฒิสภา ได้มาลงคะแนนเลือกนายกฯให้เราโดยไม่มีเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ถ้าเงื่อนไขนี้สำเร็จก็สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องมีทางเลือกอื่น เพราะพรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ต้องจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ จึงต้องแสวงหาแนวทางบนผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เรายอมรับว่าเพื่อไทยใช้ต้นทุนสูงมากในการทำงานครั้งนี้ เพราะสิ่งที่คาดหวัง รณรงค์ให้เราแลนสไลด์แต่ทำไม่สำเร็จ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็ต้องบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้นเอง” นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มี 238 เสียง ไม่เอาก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล ดังนั้นจึงเหลือพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อโหวตนายกฯแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะดึง 3 พรรคนี้มาร่วมรัฐบาล นพ.ชลน่านกล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพต้องมีเสียงข้างมาก ภายใต้การพูดคุยกับพรรคการเมือง เราสร้างความมั่นใจว่าเรามีเสียงข้างมากแล้วเขาจึงมาร่วมกับเราได้ หลายพรรคมีเงื่อนไขว่าถ้ามีเสียงข้างน้อยจะไม่ร่วมรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่พูดคือมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว แต่เสียงจะเด็ดขาดถึง 300 เสียง 290 เสียง 280 เสียง หรือไม่ อยู่ในขั้นตอนที่เรากำลังทำงานกัน

“พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือกมาก เราเสนอทางเลือก พยายามทำทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ถ้าไม่ได้ ทางเลือกต่อมาเราก็ต้องเลือก เพราะเชื่อว่า ถ้าเราจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ใช่เพื่อเรา เราจะทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ผลการทำงานตรงนั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงานของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล  เรามีความมั่นใจว่าประเทศต้องกลับมา การแบ่งขั้ว แบ่งสี การทำหน้าที่ร่วมกัน ในฐานะเป็นผู้นำ เอาทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน ประเทศก็จะเดินหน้าได้” นพ.ชลน่านกล่าว  

ด้านนายภูมิธรรม  เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การไปพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ ไม่ใช่สิ่งผิดปกติที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการ เพราะเราไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพราะนั่นคือการปฏิบัติที่เป็นจริงที่สะท้อนว่าเราต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า การไปเมื่อวานไม่ได้ไปเชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะเราชัดเจนตั้งแต่แยกเอ็มโอยูว่าพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยมาตั้งรัฐบาล เมื่อวานไปฟังความเห็น เพื่อให้การตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการสร้างมิติการเมืองใหม่ พรรคตั้งรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านอยู่ในสภาจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรตรงกันข้ามเสมอ

“เราเรียนพรรคก้าวไกลไปแล้วว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเราทำได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องมาตรา112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ เราเริ่มต้นจาก 141 จากวันนั้ถึงวันนี้ เราทำงานเป็นรูปธรรม มี 238 เสียง และยืนยันมาตลอดว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว  เรื่องนี้ต้องทำให้ชัดเจนให้เห็น แต่มีเวลาถึงวันที่ 17 สิงหาคม รอให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุม ผมยืนยันว่าก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เรามีเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงพอม้วนเดียวจบได้ ” นายภูมิธรรมกล่าว

นายวราวุธกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ส่งไมตรีจิต ส่งเทียบเชิญ หลังจากที่พูดคุยจุดยืนกันมาก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวคิดและแนวนโยบาย มีทัศนคติหลายเรื่องที่ไปในแนวทางเดียวกัน และสามารถทำงานด้วยกัน น่าจะเป็นผลดีกับประเทศที่สุด ยินดีที่จะตอบรับเข้าร่วมทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อมั่นในศักยภาพการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอีกหลายด้านไปข้างหน้า

คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา

• พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

 • สถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสำคัญคือ

1. วิกฤตรัฐธรรมนูญ

2.วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน

3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม

 • พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้ โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

 • เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ดังนั้น

การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด

 • เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน

 เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ ช่วยกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ววัน